รถเป็นรอยไม่รู้ตัว อย่าพึ่งตกใจ มา DIY ลบรอยขีดข่วนรถยนต์กันดีกว่า

       เจ็บปวดหรือเปล่า ? ในตอนที่ รถเป็นรอย ไม่รู้ตัว เห็นอีกทีกลับเป็นรอยที่คอยกวนใจแล้ว ! หากคุณกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาดังกล่าวอยู่ล่ะก็ อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะ MrKumka ได้รวบรวมวิธี “ ลบรอยขีดข่วนรถยนต์ ” มาให้คุณเรียบร้อยแล้ว ! แถมทำได้ง่าย ๆ ไม่เสียเวลา ไม่เปลืองแรง และไม่เปลืองเงิน(มากเกินจำเป็น) จะมีวิธีการอย่างไรบ้าง ? ไปติดตามและนำไปปรับใช้พร้อม ๆ กันเลย !

คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สีเคลือบรถยนต์ ของคุณ มีทั้งหมด 5 ชั้น ดังนี้

• ชั้นเคลือบบนสุด (Wax)
• ชั้นเคลือบใส (Clear Coat)
• ชั้นสีเคลือบ (Base Coat)
• ชั้นรองพื้น (Primer)
• ชั้นตัวถัง (Car’s Body Panel)

ในกรณีที่ชั้นเคลือบใสถูกข่วนหรือมีรอยขาด ส่งผลให้เห็นเป็นรอยข่วนจากแสงสะท้อน หากรอยข่วน “ลึก” จนถึงชั้นสีพื้น อาจทำให้การลบเป็นไปได้ยาก และจะต้องทำการ “พ่นสีใหม่” สถานเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณสามารถตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ด้วยการ “พ่นน้ำ” ลงบนพื้นที่สีที่มีรอยข่วน หากรอยหายไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง สบายใจได้เลยเพราะถือว่ารอยดังกล่าว หยุดอยู่แค่ชั้นเคลือบใสเท่านั้น

การที่รถยนต์คู่ใจของคุณเป็นรอย อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น กิ่งไม้ข้างถนน / ก้อนหินเล็ก ๆ / อุบัติเหตุเฉี่ยวชนเล็ก ๆ น้อย ๆ รวมถึงการถูกกลั่นแกล้งจากกลุ่มคนที่ไม่หวังดี แต่ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด ๆ ก็ตาม หากไม่ลึกถึงชั้นสีเคลือบถือว่ายังพอแก้ไขได้ด้วยตัวเอง แนะนำให้ตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อน เพื่อให้คุณเลือกใช้วิธี DIY ที่เหมาะสม และไม่ทำร้ายรถยนต์ให้เป็นรอยใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

หลังจากประเมินเรียบร้อยแล้วว่า รอยขีดข่วนที่เกิดขึ้นลึก-ตื้นอย่างไร ลำดับต่อมาจะเป็นการ DIY เพื่อลบรอยบาดใจดังกล่าวกันเถอะ ! เราได้รวบรวมมาให้คุณถึง 3 วิธีด้วยกัน

• น้ำยาขัดสีรถ/ ครีมขัดสีรถ

  สำหรับรอยขีดข่วนตื้น ๆ หรือรอยขนแมว แนะนำให้ใช้ “น้ำยาขัดสีรถ หรือ ครีมขัดสีรถ” ที่มีคุณสมบัติในการกำจัดรอยขีดข่วนต่าง ๆ ที่ในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น แบบครีม แบบแว็กซ์ และแบบสเปรย์ โดยให้เริ่มจากการล้างรถ ทำความสะอาดรถยนต์คู่ใจให้สะอาด และเช็ดให้แห้งเสียก่อน (ป้องกันการเกิดสนิม)

   

  หลังจากนั้นให้ “ป้ายน้ำยาขัดสีรถ” แล้วเช็ดวน ๆ ที่บริเวณรอยขีดข่วนต่าง ๆ จนกว่ารอยจะจางลงจนเป็นที่น่าพึงพอใจ ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทั้งง่าย และให้ความสะดวกสบายขั้นสุด !

   

• ปากกาแต้มสีรถ

  เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก สามารถหาซื้อได้จากร้านค้าออนไลน์ทั่วไป หลักการทำงานของเจ้า “ปากกาแต้มสีรถ” ก็คือตัวปากกาจะทำปฏิกิริยาเคมีกับชั้นสีและชั้นเคลือบใส (เคลือบเงา) เพื่อ “เชื่อมปิดรอยแผล” ที่เกิดขึ้น โดยจะใช้ได้ดีมาก ๆ กับรอยขีดข่วนที่เพิ่งเกิดใหม่

   

  หลังจากที่ทำการแต้มลงไปเรียบร้อยแล้ว ให้ปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลา 5-10 นาที แล้วค่อยเช็ดออก และไม่ต้องกังวลว่าเมื่อล้างรถแล้ว รอยจะปรากฏขึ้นมาตามเดิม เพราะการล้างรถจะช่วยให้น้ำยาของปากกา “ติดแนบสนิท” มากยิ่งขึ้น

   

• กระดาษทรายเบอร์ 320, 600 และ 1,000 และสีรถยนต์แบบ 2K

  แนะนำให้คุณทำความสะอาดบริเวณที่เกิดรอยขีดข่วนให้เรียบร้อยก่อน หลังจากนั้นก็ใช้กระดาษทราย เบอร์ 320 ชุบน้ำแล้วขัดบริเวณดังกล่าว จนกระทั่งรอยจางหายไป และค่อยเปลี่ยนเป็นกระดาษทราย เบอร์ 600 และเบอร์ 1,000 ชุบน้ำแล้วขัดวนไปเรื่อย ๆ จนกว่ารอยจะเรียบเนียน (เช็กง่าย ๆ ด้วยการลูบไปที่รอยขีดข่วนที่เกิดขึ้น)

   

  หลังจากนั้นให้ทำการ “พ่นสี 2K” บริเวณที่ขัดรอยไว้ โดยพ่นไปในแนวเดียวกัน 3 ครั้ง หรือจนกว่ารอยจะหาย (บริเวณที่ไม่ต้องการให้สีเปื้อน ให้ทำการแปะกระดาษกาวกันไว้ก่อน) แนะนำให้เว้นระยะห่างในแต่ละรอบ ประมาณ 30 นาที และรอจนกว่าจะแห้งถึงค่อยทำการ “พ่นแลกเกอร์” เคลือบทับบริเวณที่พ่นสีเอาไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง หรือจนกว่าจะมั่นใจว่าแห้งดีแล้ว ค่อยใช้ครีมหรือน้ำยาเคลือบสีขัดให้ทั่ว ก็จะได้สีรถยนต์ที่เรียบเนียน ราวกับว่าไม่เคยเกิดรอยขีดข่วนมาก่อน !

   

  *หมายเหตุ : วิธีการนี้เหมาะสำหรับ “รอยขีดข่วนลึก” เท่านั้น

   

และทั้งหมดนี้คือการ DIY ลบรอยขีดข่วนรถยนต์ ที่คุณสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง บอกเลยว่าประหยัดและสะดวกสบายสุด ๆ เว้นเสียแต่ในกรณีที่รอยลึกมาก ๆ และไม่กล้าที่จะทำตามวิธีที่เราบอกต่อไปเมื่อสักครู่ การนำเข้าศูนย์บริการหรือให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแล ก็จะช่วยให้คุณไม่ต้องพบเจอกับปัญหาปวดใจที่อาจจะตามมาได้ หรือจะ Wrap รถ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ โดยไม่ต้องพ่นสีใหม่ให้ยุ่งยากวุ่นวาย

หากไม่ต้องการ “รอเคลมสีรอบคัน” การนำวิธีการดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ด้วยตัวเอง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้คุณประหยัดเวลา และประหยัดเงินได้ค่อนข้างมาก แต่แอบกระซิบนิดหนึ่งว่า ด้วยความที่เป็นการ DIY รอยขีดข่วนต่าง ๆ จึงจะถูกปกปิดไว้เพียง “ชั่วคราว” เท่านั้น ไม่สามารถทำให้กลับมาดีดังเดิมในระยะยาวได้แต่อย่างใด นอกจากการจัดการรอยขีดข่วนรอบคันด้วยตัวเองแล้ว การมีประกันรถยนต์ภาคสมัครใจถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 สามารถช่วยให้คุณอุ่นใจได้ แต่ถ้ายังไม่รู้จะซื้อกับที่ไหน ประเภทใด และกรมธรรม์เป็นอย่างไร สามารถเข้ามาเปรียบเทียบประกันรถยนต์ กับ MrKumka ได้แล้ววันนี้ ! คลิกเลยที่ MrKumka.com