รถไฟฟ้ามือสองควรซื้อไหม รวมข้อดีและข้อจำกัดที่ควรรู้

แชร์บทความนี้
รถไฟฟ้ามือสองควรซื้อไหม รวมข้อดีและข้อจำกัดที่ควรรู้  | มิสเตอร์ คุ้มค่า

เมื่อเงื่อนไขของราคาน้ำมันพุ่งแพง ยั้งไม่อยู่ ประกอบกับเทรนด์รักษ์โลกแบบประหยัดกว่ากำลังมาแรง “รถยนต์ไฟฟ้า” ได้กลายมาเป็นทางเลือกใหม่ของคนรุ่นใหม่จำนวนมาก เช่นกันว่ารถไฟฟ้ามือสองที่ให้ความคุ้มค่าผ่านราคาที่ย่อมเยากว่าก็มาเป็นตัวเลือกด้วย ทว่าการซื้อรถ EV มือสองจำเป็นต้องตรวจสอบหลายจุดมากกว่ารถทั่วไป เพราะใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลักต่างจากรถมือสองทั่วไปที่เรา ๆ เคยได้รู้มา มิสเตอร์ คุ้มค่า จึงอยากแนะนำ checklist ตรวจสภาพรถแบบละเอียด และสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น

ทำไมรถไฟฟ้ามือสองถึงน่าซื้อ?

ทำความเข้าใจก่อนว่ารถ EV มือสอง คือ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ที่ถูกใช้งานมาแล้วโดยเจ้าของคนก่อน ปัจจุบันมีรถไฟฟ้ามือสองหลากหลายรุ่นในตลาด อาทิ MG ZS EV, BYD Dolphin, Good Cat, Nissan Leaf เป็นต้น ซึ่งการซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามือสองมีข้อดี ดังนี้

  • ราคาย่อมเยากว่ารถใหม่ป้ายแดงมาก
  • ขับขี่เงียบ ไร้มลพิษ
  • ไม่มีค่าบำรุงรักษาระบบน้ำมัน เช่น เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
  • อัตราเร่งดีและค่าพลังงาน (ค่าไฟ) ถูกกว่าน้ำมัน

ก่อนซื้อรถ EV มือสอง ควรตรวจสอบอะไรบ้าง?

ก่อนซื้อรถ EV มือสอง ควรตรวจสอบอะไรบ้าง? | มิสเตอร์ คุ้มค่า

การตัดสินใจซื้อรถ EV มือสองไม่ใช่แค่ดูสภาพภายนอกว่าสวย หรือเลขไมล์น้อยเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญ คือ การตรวจสอบระบบไฟฟ้าในรถยนต์ และส่วนประกอบเฉพาะของรถยนต์ไฟฟ้า ที่คุณจำเป็นต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ ดังนี้

  • แบตเตอรี่

    ปกติแล้วอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถไฟฟ้า ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 8-10 ปี หรือประมาณ 150,000-200,000 กิโลเมตร แนะนำให้เช็กว่ารถที่สนใจจะซื้อมีประวัติการเปลี่ยนมาก่อนไหม รวมถึงระยะเวลาประกันเหลือเท่าไหร่ ที่สำคัญควรเช็กค่าสัมบูรณ์ของแบต (SoH) ด้วย จะได้รู้ถึงสุขภาพแบตฯ ว่ายังไงในการใช้งานได้อีกยาว ๆ แค่ไหน

  • ระบบชาร์จไฟ

    เช็กว่าสายชาร์จยังอยู่ครบ และสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ รวมถึงสามารถชาร์จไฟทั้งแบบ AC และ DC ได้หรือไม่ และควรทดสอบการชาร์จจากสถานีชาร์จจริง เพื่อความมั่นใจก่อนซื้อ

  • ระบบควบคุมไฟฟ้า

    ตรวจสอบระบบ Inverter ว่ายังทำงานสมบูรณ์ ไม่มีเสียงผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นจากระบบขับเคลื่อน เพื่อป้องกันปัญหาอื่น ๆ ที่อาจตามมาในภายหลัง

นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบระบบเบรกและระบบกันสะเทือนด้วย เพราะรถ EV มีน้ำหนักมากกว่า ICE Car เล็กน้อย จึงต้องดูระบบเบรกและช่วงล่างเป็นพิเศษ แนะนำให้เช็กโดยช่างที่เชี่ยวชาญรถไฟฟ้า พร้อมเครื่อง OBD ตรวจดู Error Code หรือความผิดปกติของระบบ ก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้มากกว่า

เคล็ด (ไม่) ลับ เช็ครถไฟฟ้ายังไงไม่ให้พลาด?

การเช็ครถไฟฟ้าก่อนซื้อ ถือเป็นขั้นตอนที่คุณไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง เพราะรถ EV มีความซับซ้อนทางระบบไฟฟ้ามากกว่ารถเครื่องยนต์น้ำมันทั่วไป ถ้าอย่างนั้นตามไป checklist ตรวจสภาพรถก่อนจับจองเป็นเจ้าของคนใหม่กันเลย

  • สถานะแบตเตอรี่: ควรอยู่ที่ 80% ขึ้นไป (SoH)
  • ระบบความปลอดภัย: ตรวจสอบถุงลมนิรภัย เซนเซอร์ต่าง ๆ ว่ายังทำงานสมบูรณ์
  • ระบบแอร์และไฟฟ้าในรถ: เช็กพัดลม ไฟหน้า ไฟท้าย หน้าจอสัมผัส
  • สภาพตัวถัง: ตรวจรอยชนหนัก น้ำท่วม หรือซ่อมแซมภายหลัง
  • ทดลองขับจริง:เพื่อดูการตอบสนองของคันเร่ง พวงมาลัยรถ และระบบ regenerative braking

นอกจากนี้ยังรวมถึงระบบช่วงล่าง เช่น ยาง ดิสก์เบรก ผ้าเบรก โช้คอัพ รวมถึงเอกสารสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเล่มทะเบียน ประวัติการซ่อม และประกันแบตเตอรี่ด้วย หากรถคันที่สนใจไม่มีประวัติการใช้งานที่ชัดเจน แนะนำให้หลีกเลี่ยง และควรระวังรถน้ำท่วมให้ดี เพราะแบตและระบบไฟฟ้าอาจเสียหาย

ประกันรถไฟฟ้ามือสอง จำเป็นต้องมีไหม?

ควรมีอย่างยิ่ง โดยเฉพาะประกันชั้น 1 หรือ 2+ ที่คุ้มครองครอบคลุมถึงระบบไฟฟ้า และความเสียหายจากอุบัติเหตุ เพราะค่าซ่อมรถ EV มือสอง หากไม่มีประกันอาจสูงกว่ารถยนต์ทั่วไปหลายเท่า ทั้งในส่วนของแบตเตอรี่ มอเตอร์ หรือระบบชาร์จ และสิ่งที่คุณควรตรวจสอบกับบริษัทประกัน เมื่อจะทำประกันรถไฟฟ้ามือสอง มีดังนี้

  • คุ้มครองแบตเตอรี่รถไฟฟ้าหรือไม่?
  • ถ้ามีการซ่อมระบบไฟฟ้า สามารถใช้บริการที่ไหนได้บ้าง?
  • มีเงื่อนไขพิเศษในการเคลมเกี่ยวกับระบบชาร์จ, อินเวอร์เตอร์ หรือมอเตอร์ไฟฟ้าหรือไม่?

เนื่องจากค่าเบี้ยประกันรถไฟฟ้ามือสองสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป เพราะค่าซ่อมเฉพาะทาง รวมถึงต้องใช้ศูนย์บริการเฉพาะทางด้วย ดังนั้นเพื่อความอุ่นใจตลอดการใช้รถ EV มือสอง การสอบถามรายละเอียดความคุ้มครองให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ และอย่าลืมเปรียบเทียบประกันรถยนต์ให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อด้วย เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ตอบโจทย์มากที่สุด

ไม่อยากพลาดต้องรู้ รับรถใหม่ต้องเช็คอะไรบ้าง?

ไม่ว่าคุณจะซื้อรถใหม่ป้ายแดง หรือรถไฟฟ้ามือสองสภาพดีจากเต็นท์ ก็ยังต้องทำการ checklist ตรวจสภาพรถด้วย โดยเฉพาะ “รถไฟฟ้า” เพราะปัญหาบางอย่างอาจไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือจากสภาพภายนอก แล้วรับรถใหม่ต้องเช็คอะไรบ้าง? ตามไปหาคำตอบกันเลย

  • ตรวจเอกสารให้ครบ: เช่น เล่มทะเบียน ใบเสร็จ ประกัน และคู่มือรถ
  • ตรวจสภาพภายนอกและภายใน: เช่น รอยขีดข่วน อุปกรณ์ไฟฟ้า (ว่าใช้งานได้หรือไม่)
  • ตรวจอุปกรณ์แถม: เช่น สายชาร์จ ยางอะไหล่ และเครื่องมือ
  • ทดลองขับทันทีหลังรับรถ: และถ่ายรูปรถทุกมุมไว้เป็นหลักฐาน โดยเฉพาะเมื่อซื้อผ่านเต็นท์หรือช่องทางออนไลน์

ถ้าถามว่าในปี 2025 ถ้าจะซื้อรถไฟฟ้ามือสองคุ้มไหม? ตอบตรงนี้เลยว่า “คุ้มมาก ถ้าคุณรู้วิธีเลือก” เพราะรถ EV มือสองนอกจากจะให้ความประหยัดแล้ว ยังปลอดมลพิษ และราคาถูกลงจากรถใหม่ค่อนข้างมาก ทว่าควรให้ความใส่ใจในเรื่องของการตรวจสอบระบบไฟฟ้าในรถยนต์ และอย่าลืม checklist ตรวจสภาพรถ เพื่อให้คุณมั่นใจในทุกขั้นตอนตั้งแต่การเลือกซื้อ จนถึงการรับรถ เพื่อประสบการณ์การขับขี่อย่างมีความสุข และประหยัดได้อย่างแท้จริง

คำจำกัดความ

ค่าสัมบูรณ์ของแบต (SoH) ค่าที่บ่งบอกถึงสภาพและประสิทธิภาพของแบตเตอรี่เมื่อเทียบกับสภาพใหม่
ICE Car รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ที่เผาไหม้เชื้อเพลิงภายในเพื่อสร้างพลังงานในการขับเคลื่อน โดยทั่วไปแล้วจะใช้น้ำมันเบนซินหรือดีเซล
ระบบ regenerative braking ระบบที่ออกแบบมาเพื่อกู้คืนพลังงานจลน์ที่สูญเสียไประหว่างการเบรก และเปลี่ยนพลังงานนั้นให้เป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อนำไปใช้ชาร์จแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์ไฮบริด

เปรียบเทียบราคา หรือ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

02 080 9292 @mrkumka

บทความที่น่าสนใจ

เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่