เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหารถเสีย ไม่ว่าจะปัจจัยต่าง ๆ คุณควรมีวิธีการรับมือรถเสียให้ได้มากที่สุด เริ่มแรกจากการสังเกตความผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อหาวิธีแก้ไขเบื้องต้น นอกจากนี้ยังควรนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจเช็คสภาพรถและความพร้อมของรถยนต์อยู่เสมอ เพื่อคลายความกังวล MrKumka ได้รวบรวมรายละเอียดที่น่าสนใจ มาให้ผู้ใช้รถทุกคนควรรู้ เพื่อให้การเดินทางราบรื่น เกิดอุปสรรคต่าง ๆ น้อยที่สุด ซึ่งจะมีรายละเอียดเป็นอย่างไร ? ไปติดตามพร้อม ๆ กันเลย
เมื่อรถเสียกลางทาง จะวิธีรับมืออย่างไร
ในกรณีที่รถเสียระหว่างทาง หลายคน (โดยเฉพาะมือใหม่) เรียกช่างมาดูแลปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว อาจเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง แต่จะมีวิธีการรับมืออย่างไร? ไปดูกันเลย
เทคนิคแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อรถเสีย
ในระหว่างการเดินทางหากพบว่ารถสตาร์ทไม่ติด หรือเครื่องดับเอง สิ่งแรกที่ควรทำคือ “เปิดไฟฉุกเฉิน” เพื่อส่งสัญญาณให้เพื่อนร่วมทาง หลังจากนั้นให้หาทางเบี่ยงหรือหลบหลีกไปทางอื่น เมื่อจอดรถเข้าที่เข้าทางแล้ว เริ่มตรวจสอบปัญหาเบื้องต้น
-
แบตเตอรี่รถยนต์หมด รถสตาร์ทไม่ติด
กรณีที่คุณสตาร์ทรถไม่ติด ไม่มีเสียงการทำงานของไดสตาร์ท ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า “แบตเตอรี่รถยนต์หมด” วิธีการแก้ไขคือ “พ่วงแบตเตอรี่” เริ่มจากปิดสวิตช์กุญแจและอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดของรถยนต์ และขอความช่วยเหลือจากรถยนต์ที่มีแบตเตอรี่ เพื่อทำการต่อสายพ่วง ตรวจเช็กให้แน่ใจว่าสายพ่วงต่อดีแล้วหรือไม่ จากนั้นให้สตาร์ทเครื่องยนต์คันที่มีแบตเตอรี่ ประมาณ 3 นาที แล้วเร่งเครื่องเล็กน้อย เพื่อให้แบตเตอรี่มีการไหลเวียนของประจุไฟฟ้า
เมื่อทำทุกขั้นตอนครบถ้วนแล้ว ลองสตาร์ทรถของคุณและเร่งเครื่องประมาณ 1,500-2,000 รอบ-นาที เพื่อเช็กดูว่าประจุไฟฟ้าเข้าหลังการชาร์จหรือไม่ ในกรณีที่เครื่องยนต์ไม่ดับแสดงว่าการชาร์จไฟเข้าผ่านไปได้ด้วยดี ให้ทำการสตาร์ทรถทิ้งไว้ 30 นาที หรือรีบพารถเข้าศูนย์บริการสำหรับเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ หรือตรวจเช็กเครื่องยนต์
-
เครื่องยนต์ความร้อนสูง
รถความร้อนขึ้น เครื่องยนต์ความร้อนสูงหรือ “โอเวอร์ฮีท” ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับรถยนต์ที่ใช้งานมาสักระยะแล้ว มีสาเหตุมาจาก “ระบบหล่อเย็น” เกิดการชำรุดหรือเสียหาย อาทิ ฝาปิดหม้อน้ำเสื่อม/ปิดไม่สนิท, เกิดการรั่วไหลในระบบหล่อเย็น ทำให้มีน้ำไม่เพียงพอต่อการระบายความร้อน ส่งผลให้ปั๊มน้ำเสีย สายพานปั๊มน้ำขาด และวาล์วน้ำไม่เปิด เป็นต้น
เมื่อรถความร้อนขึ้น สังเกตจากมาตรวัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นขึ้นสูง ให้นำรถยนต์จอดชิดซ้ายในที่ที่ปลอดภัยทันที พร้อมกับรีบดับเครื่องยนต์และเปิดฝากระโปรงด้านหน้า เพื่อระบายความร้อนโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดความเสียหายอื่น ๆ ตามมาได้ ในกรณีที่มีไอน้ำพุ่งออกมาจากหม้อน้ำอย่าคิดรีบปิดฝาเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้โดนลวกได้ แนะนำให้รอประมาณ 15 นาที ให้เครื่องยนต์เย็นลงซะก่อน
-
ท่อไอเสียชำรุด
ท่อไอเสียชำรุด เป็นอีกหนึ่งปัญหาหลัก ๆ ที่ทำให้รถเสียกลางทางก็ว่าได้ เมื่อรถออกตัวไปได้สักระยะหนึ่ง แล้วพบว่าท่อไอเสียขาดแล้วครูดไปกับท้องถนน ให้เปิดไฟฉุกเฉินและรีบเข้าข้างทางทันที อย่าปล่อยให้ครูดกับถนนเป็นเวลานาน เพราะอาจจะทำให้ปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้
วิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าคือ ให้หาลวดมาผูกมัดเพื่อใช้งานแบบชั่วคราวไปก่อน ไม่แนะนำให้ใช้เชือกเพราะความร้อนจากท่อจะทำให้เชือกขาด ท่อไอเสียจะหล่นลงมาอีกครั้ง และก่อให้เกิดความเสียหายที่หนักกว่าเดิม
-
เสียงผิดปกติในเครื่องยนต์
ปกติแล้วการทำงานของเครื่องยนต์จะไม่ค่อยมีเสียงที่ดังผิดปกติ หรือเสียงที่แปลกไปจากเดิม โดยเฉพาะ “เสียงเหล็กกระทบกัน” ซึ่งทางการช่างเรียกกันว่า “เสียงน๊อก” หากได้ยินให้ทำการอัดเสียงไว้ก่อน หรือจะเป็นการถ่ายคลิปวิดีโอก็ได้ เพื่อใช้ประกอบการอธิบายปัญหาให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจหาสาเหตุต่อไป
ในกรณีที่เป็น “เสียงจี๊ด ๆ” (คล้ายกับเสียงหนูร้อง) ในขณะที่เบรค ไม่ว่าจะด้านหน้าหรือด้านหลังก็ตาม ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเกิดจาก “ผ้าเบรค” แนะนำให้รีบหาเวลาไปเปลี่ยนผ้าเบรคโดยเร็วที่สุด หากปล่อยไว้นานรับรองว่าชุดจานเบรคได้รับความเสียหายตามมาแน่นอน
-
น้ำมันท่วม
ในกรณีที่รถยนต์ของคุณจอดนิ่งอยู่กับที่ เมื่อสตาร์ทหลายครั้งกลับไม่มีท่าทีว่าจะสตาร์ทติดได้ง่าย ๆ รวมถึงได้กลิ่นฉุนของน้ำมันลอยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า “น้ำมันท่วมคาร์บูเรเตอร์และลูกลอย” แนะนำให้รอประมาณ 10 นาที เพื่อให้น้ำมันเกิดการระเหย หลังจากนั้นให้ลองทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่อีกครั้ง
ปัญหารถเสียที่เรานำมาบอกต่อเมื่อข้างต้น เป็นเพียงแค่ “ส่วนหนึ่ง” เท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลาย ๆ เรื่อง ที่ไม่ว่าจะเอาออกมาพูดเท่าไหร่ก็พูดไม่หมดสักที วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือคุณควรนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อเช็คสภาพรถและเปลี่ยนอะไหล่รถให้ตรงตามเวลาที่กำหนดเสมอ นอกจากนี้อย่าลืมเตรียมเบอร์กู้ภัย หรือเบอร์โทรฉุกเฉิน ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดจะได้แก้ไขได้อย่างทันท่วงที
ไม่อยากปวดหัวกับปัญหารถเสีย ต้องดูแลรถแบบนี้ !
หลังจากทำความเข้าใจไปแล้วว่า ปัญหารถเสียคร่าว ๆ ที่หลายคนพบเจออยู่บ่อยครั้งมีอะไรบ้าง และมีวิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นอย่างไร คงจะมองเห็นถึงความยุ่งยากและน่าปวดหัวกันแล้วใช่ไหมล่ะ ? หากคุณไม่ต้องการเผชิญหน้ากับปัญหาดังกล่าว แนะนำให้ดูแลรถให้ดี และเราได้รวบรวม “เคล็ดลับดูแลรักษารถเบื้องต้น” มาให้คุณทำความเข้าใจแล้ว
1. ขับขี่อย่างนุ่มนวล
การขับขี่อย่างนุ่มนวลในที่นี้ เหมาะรวมตั้งแต่ “การออกตัว” อย่าคิดออกตัวรถยนต์แบบกระโชกโฮกฮากเด็ดขาด รวมถึงควรเว้นระยะเบรคอย่างเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และรักษาความสมบูรณ์ของตัวรถให้ยาวนานกว่าเดิม
2. เช็กระยะสม่ำเสมอ
ไม่ว่ารถยนต์คู่ใจของคุณจะเป็นรถใหม่ป้ายแดง หรือรถยนต์ที่ใช้งานมานานแล้วก็ตาม การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือการตรวจสอบชิ้นส่วนต่าง ๆ (อะไหล่รถยนต์) ตามระยะที่กำหนด จะช่วยยืดอายุการใช้งานของตัวรถ และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
3. จอดรถในที่ร่ม
การจอดรถยนต์ในที่ร่ม นับเป็นวิธีการดูแลรักษารถยนต์ที่ควรให้ความสำคัญเช่นกัน พยายามหาที่จอดรถในร่วม เพื่อรักษาสีของตัวรถ รวมถึงเพื่อป้องกันห้องโดยสารโดนความร้อนจากแดดแผดเผา นอกจากนี้แนะนำให้ใช้แผงกันแดดบังคอนโซลรถ เพื่อป้องกันความเสียหายของวัสดุต่าง ๆ ที่ทำจากพลาสติก
4. ล้างห้องเครื่องรถยนต์
มือใหม่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า การล้างห้องเครื่องรถยนต์เป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลรักษารถด้วยเช่นกัน ซึ่งแนะนำให้ล้าง “อย่างน้อย” ปีละ 1 ครั้ง เพราะถ้ารถยนต์ของคุณมีห้องเครื่องที่สะอาด จะช่วยให้อุณหภูมิการทำงานต่ำกว่าเครื่องยนต์ที่สกปรก
5. ดูแลยางรถยนต์
ไม่ว่าคุณจะใช้รถในเมือง หรือออกต่างจังหวัดบ่อย ๆ สิ่งที่ควรทำคือ “ตรวจสอบแรงดันลมยาง” อย่างสม่ำเสมอ ด้วยการเติมลมยางตามคู่มือรถยนต์ “อย่างน้อย” เดือนละ 2 ครั้ง นอกจากจะช่วยให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่แล้ว ยังช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นอีกด้วย
ทั้งหมดนี้คือเคล็ดลับดูแลรักษารถยนต์ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น ที่คุณสามารถทำได้เองง่าย ๆ และไม่ก่อให้เกิดความยุ่งยากแม้แต่น้อย หากคุณสามารถทำตามเคล็ดลับดังกล่าวได้เป็นอย่างดี เพียงเท่านี้คุณก็มีโอกาสพบเจอปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะตามมาได้น้อยลงแล้วล่ะ !
" ปัญหารถเสียนับเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ "
ถ้าคุณไม่ต้องการเผชิญหน้ากับปัญหาต่าง ๆ เพียงลำพัง โดยเฉพาะคนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ แนะนำให้เลือกซื้อกรมธรรม์กับบริษัทที่น่าเชื่อถือ และเลือกซื้อประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองอย่างครอบคลุม รวมถึงมี “บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน” เพื่อให้การใช้รถใช้ถนนของคุณราบรื่น แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะซื้อกับที่ไหน หรือเลือกความคุ้มครองอย่างไร สามารถเปรียบเทียบประกันรถยนต์ออนไลน์กับ MrKumka ก่อนได้ รับรองว่าคุณจะได้รับเบี้ยประกันที่ถูกใจ และความคุ้มครองที่ตอบโจทย์แน่นอน