หากวันหนึ่งต้องเจอวิกฤติด้านการเงิน หมุนเงินไม่ทัน เงินไม่คล่องมือ ทำให้ จ่ายค่างวดรถไม่ตรงวัน เคยสงสัยไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น !? จะโดนยึดรถไหม แล้วถ้าโดนยึดรถจะเป็นยังไงต่อไป ต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง ?
หากคุณสงสัยในเรื่องนี้ MrKumka รวบรวมรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องค่างวดรถมาให้แล้ว ให้คุณรู้ละเตรียมตัวกับสถานการณ์ไว้ก่อน จะมีอะไรบ้าง ? ไปติดตามพร้อม ๆ กับเราได้เลย !
การ “จ่ายค่างวดไม่ตรงวัน” ไม่ว่าจะลืมแบบหลงลืมวันจ่ายค่างวด หรือจ่ายไม่ตรงเพราะขาดสภาพคล่องทางการเงิน ขาดการวางแผนทางการเงินในการผ่อนรถ สิ่งที่คุณไม่ควรทำเลยก็คือ “นิ่งเฉย” รวมถึงปฏิเสธการติดต่อจากไฟแนนซ์ เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจจะพบเจอกับ “การทวงหนี้ทุกรูปแบบ” ไม่ว่าจะการติดต่อไปยังบุคคลอ้างอิง การโทรศัพท์ไปที่ที่ทำงาน การส่งจดหมายติดตามหรืออื่น ๆ แน่นอนว่านอกจากจะสร้างความเดือดร้อนให้กับ “ประวัติ” ของคุณแล้ว ยังสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น ๆ ด้วย
นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการ “ถูกยึดรถ” กรณีที่ขาดการจ่ายค่างวดเกินกว่าที่กำหนดอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นเลยล่ะ เพราะกว่าจะได้รถยนต์สักคันมาครอบครอง ต้องทำเรื่องกู้กันจนหัวหมุน เพื่อป้องกันปัญหาน่าสลดใจที่กำลังจะตามมา ไปดู “ข้อควรรู้” ของการจ่ายค่างวดไม่ตรงวันกันเลย !
ไม่ว่าคุณจะผ่อนรถมาเป็นเวลา 1 ปี 2 ปี หรือกี่ปีก็ตาม หากในวันใดวันหนึ่งรายได้สวนทางกับรายจ่าย สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อรู้ตัวว่า “จ่ายค่างวดรถไม่ทัน” คือการรีบติดต่อเจ้าหน้าที่พร้อมกับแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาทันที เช่น ขอเลื่อนการชำระค่างวดออกไปก่อน หรือจ่ายค่างวดแบบไม่เต็มจำนวน ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วย “รักษาเครดิต” ของคุณได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ให้บริการสินเชื่อด้วย ว่าจะสามารถช่วยคุณแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างไร
สำหรับคนที่ขาดสภาพคล่องกะทันหัน จนไม่สามารถจ่ายค่างวดรถยนต์ได้ตรงตามกำหนด คุณสามารถ “จ่ายค่างวดช้าได้นานสุด 90 วัน หรือ 3 เดือน หรือ 3 งวด” และจะมีการติดตามทวงถามหนี้เพิ่มเติมอีก 30 วัน หรือสรุปง่าย ๆ ว่าคุณมีเวลาในการเคลียร์หนี้ทั้งหมด 4 เดือน หรือหาวิธีการทำการีไฟแนนซ์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางเงินให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนไฟแนนซ์ยึดรถไปขายทอดตลาด
เมื่อปัญหารุมเร้ารอบด้านอาจทำให้หลายคนด่วนตัดสินใจ “ปล่อยให้ไฟแนนซ์ยึดรถ” ไปเลย เพราะคิดว่าปัญหาหรือภาระหนี้จะเบาบางลงบ้าง หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังจะก้าวเท้าเข้าสู่เส้นทางนี้ หยุดก่อน ! เนื่องจากการทำแบบนี้มี “ค่าใช้จ่าย” อื่น ๆ ตามมากวนใจหลายทอด โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายจากการ “ทวงถามหนี้” ที่การเป็นการทวงหนี้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งสามารถแยกออกมาได้ดังนี้
ซึ่งไม่ว่าการทวงถามหนี้จะอยู่ในขั้นตอนไหน “คุณ” คือผู้ที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด อย่าคิดว่าการปล่อยให้ไฟแนนซ์ยึดรถ จะทำให้คุณสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างสบายใจ เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจจะต้องเผชิญหน้ากับค่าใช้จ่าย และหมายศาลที่พุ่งตรงถึงบ้านคุณแบบไม่ทันตั้งตัว
เมื่ออ่านมาถึง “โดนยึดรถ” ไปจนถึง “การฟ้องร้อง” อาจทำให้หลายคนปาดเหงื่อไปตาม ๆ กันเลยใช่ไหมล่ะ ? ในเมื่อคุณมีรถยนต์ในครอบครองอยู่แล้ว คงดีไม่ใช่น้อยหากรถยนต์ที่เป็นภาระก้อนใหญ่ จะช่วยปัดเป่าภาระก้อนดังกล่าวในเบาบางลง ซึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ “รีไฟแนนซ์รถยนต์” หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นการ “กู้เงินก้อนใหม่มาปิดหนี้ก้อนเดิม” แถมยังมีสิทธิประโยชน์จากหนี้ก้อนใหม่ ดังนี้
แต่การที่คุณจะได้รับ “สิทธิประโยชน์” ตามที่เราลิสต์มาเมื่อข้างต้น คุณจะต้องเลือกรีไฟแนนซ์รถยนต์อย่างชาญฉลาด เปรียบเทียบและคำนวณผลได้เสียอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้คุณได้รับผลประโยชน์อย่างถึงที่สุด อย่าด่วนตัดสินใจมากจนเกินไป วางแผนการเงินที่รอบคอบ เพราะการตัดสินใจเพียงชั่วครู่ อาจทำให้คุณต้องแบกรับภาระที่หนักหนามากกว่าเดิม
หลายคนมองว่าการ “รีไฟแนนซ์รถยนต์” คือการเพิ่มระยะเวลาการเป็นหนี้ให้นานกว่าเดิม ถ้าหากลองเปรียบเทียบดี ๆ ในสถานการณ์ที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง แม้จะเป็นหนี้นานขึ้น แต่ภาระหนี้ต่อเดือนลดลง ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่ามาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะ ? หากคุณกำลังมองหาแหล่งขอสินเชื่อ ที่พร้อมให้สิทธิประโยชน์กับคุณแบบจัดเต็ม MrKumka ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ แถมยังสามารถ “เปรียบเทียบสินเชื่อออนไลน์” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มความสะดวกสบายได้มากขึ้นหลายเท่าตัว !
เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่