เคลมประกันรถยนต์ตัวเอง vs เคลมประกันคู่กรณี เลือกยังไงให้คุ้ม

เคลมประกันรถยนต์ เคลมเอง vs เคลมคู่กรณี เลือกยังไงให้คุ้ม | มิสเตอร์ คุ้มค่า

ขับขี่รถบนท้องถนนมัดเต็มไปด้วยความเสี่ยงรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุจากความประมาทของเราเองหรือจากคู่กรณี คาดเดาไม่ได้! ซึ่งในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น รถยนต์เสียหาย ต้องซ่อมหนักซ่อมเบาก็ว่าไป แน่นอนว่าประกันรถยนต์คือเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับคุณ แต่คำถามก็คือ จะเคลมประกันรถยนต์เอง หรือเคลมประกันคู่กรณีดี? มิสเตอร์ คุ้มค่า จะพาไปเปรียบเทียบข้อดี ข้อจำกัดของการเคลมทั้งสองแบบ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าควรเลือกวิธีไหนที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

เคลมประกันคู่กรณีและเคลมประกันตัวเองต่างกันยังไง?

เมื่อเกิดอุบัติเหตุระหว่างขับขี่ การเคลมประกันรถยนต์สามารถทำได้ 2 วิธีหลัก ๆ คือ การเคลมกับบริษัทประกันของเราเอง หรือการเคลมกับบริษัทประกันของคู่กรณี ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป

เคลมประกันคู่กรณี

เมื่อคุณเคลมประกันรถยนต์กับคู่กรณีหรือประกันของฝ่ายตรงข้าม ข้อดีที่ชัดเจน คือ คุณไม่ต้องจ่ายเงินจากกระเป๋าของตัวเองเพื่อซ่อมรถ โดยที่ฝ่ายประกันของคู่กรณีจะรับผิดชอบในการชดเชยความเสียหายทั้งหมด “หากคุณไม่ใช่ฝ่ายผิด”

แต่ข้อเสีย คือ การเคลมประเภทนี้อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการจัดการ หรือมีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากขึ้น เพราะทั้งสองบริษัทประกันต้องเจรจาและตรวจสอบข้อมูลระหว่างกัน

วิธีเคลมประกันมีคู่กรณี ต้องทำยังไงบ้าง?

การเคลมประกันมีคู่กรณี คือ การเคลมประกันจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคู่กรณี โดยไม่ใช่ฝ่ายผิด ซึ่งการเคลมแบบนี้มักจะมีขั้นตอน และกระบวนการที่ละเอียดกว่า แต่สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเสีย NCB และประหยัดค่าเบี้ยประกันในปีถัดไปได้ และนี่คือวิธีเคลมประกันมีคู่กรณีที่คุณควรรู้

  1. รวบรวมข้อมูลจากที่เกิดเหตุ

    เมื่อเกิดอุบัติเหตุและคุณมีคู่กรณี วิธีเคลมประกันมีคู่กรณีข้อแรกที่ต้องทำ คือ รวบรวมข้อมูลจากที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของคู่กรณี, ข้อมูลพยาน, รูปถ่าย และบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด เพื่อเป็นหลักฐานในการแจ้งเคลมประกันรถยนต์

  2. ติดต่อบริษัทประกันของคู่กรณี

    หากคุณไม่ใช่ฝ่ายผิด และเชื่อมั่นว่าคู่กรณีต้องรับผิดชอบในการจ่ายค่าซ่อมแซมรถยนต์ คุณสามารถติดต่อบริษัทประกันของคู่กรณี โดยการให้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และให้บริษัทประกันของคู่กรณีดำเนินการแทนคุณในการเคลมประกันรถยนต์

  3. แจ้งเหตุกับบริษัทประกันของคุณเอง

    แม้ว่าคุณจะเคลมกับบริษัทประกันของคู่กรณี แต่ก็ยังจำเป็นต้องแจ้งเหตุการณ์กับบริษัทประกันของคุณเอง เพื่อให้บริษัทประกันทราบ และอาจจะต้องตรวจสอบสภาพรถยนต์ของคุณด้วย

  4. ตรวจสอบและประเมินความเสียหาย

    บริษัทประกันทั้งสองฝ่ายจะต้องทำการประเมินความเสียหายของรถยนต์ โดยส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ หากมีการซ่อมแซมที่ต้องใช้เวลา คุณจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปจากบริษัทประกัน

  5. การซ่อมแซมรถยนต์

    เมื่อทุกอย่างได้รับการยืนยันและอนุมัติแล้ว คุณสามารถนำรถไปซ่อมแซมที่อู่ซ่อมที่บริษัทประกันของคู่กรณีเลือก หรืออู่ซ่อมรถยนต์ใกล้ฉันที่คุณต้องการ (หากมีการตกลงกันแล้ว) การซ่อมแซมจะได้รับการชำระโดยบริษัทประกันของคู่กรณี

วิธีเคลมประกันมีคู่กรณี ต้องทำยังไงบ้าง? | มิสเตอร์ คุ้มค่า

เคลมประกันของตนเอง

ในกรณีที่เกิดเหตุและคุณไม่ต้องการรอขั้นตอนเจรจา การเคลมประกันของตัวเองเป็นทางเลือกที่รวดเร็วที่สุด เพราะการเคลมกับบริษัทของคุณเอง สามารถจัดการได้ทันที ไม่ต้องรอการพิสูจน์ผิดชอบจากคู่กรณี อย่างไรก็ตามข้อเสีย คือ คุณต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายบางส่วนตามเงื่อนไขของประกัน และการเคลมแบบนี้อาจส่งผลกระทบต่อ NCB และเบี้ยประกันในปีถัดไป

พร้อมที่จะเปรียบเทียบประกันรถยนต์หรือยัง?

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

การเคลมแบบไหนกระทบ NCB มากกว่า?

การเคลมประกันรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการเคลมเองหรือเคลมผ่านคู่กรณี ล้วนมีผลต่อส่วนลดประวัติดี (NCB) ของผู้ขับขี่ ซึ่ง NCB นี้จะเป็นตัวกำหนดส่วนลดที่คุณจะได้รับ เมื่อคุณต่ออายุประกันในปีถัดไป หากคุณเคลมประกันเป็นประจำอาจสูญเสียส่วนลดประวัติดีหรือถูกลดจำนวนลง

  • เคลมประกันเอง (เคลมแห้ง)

    การเคลมประกันรถยนต์โดยไม่แจ้งคู่กรณี หรือเคลมแห้ง คือ การเคลมที่จะทำให้คุณสามารถใช้สิทธิ์การเคลมได้ทันที แต่การเคลมลักษณะนี้จะมีผลกระทบกับประวัติ NCB ของคุณมากกว่าการเคลมผ่านคู่กรณี เพราะทางบริษัทประกันของคุณจะมองว่าเป็นการเคลมของคุณ จึงอาจทำให้สูญเสียส่วนลดประวัติดี หรือได้รับส่วนลดที่ลดลงในปีถัดไป

  • เคลมผ่านคู่กรณี (เคลมสด)

    ในกรณีที่คุณเคลมผ่านประกันของคู่กรณี หรือ “เคลมสด” คุณจะไม่สูญเสีย NCB หากคุณไม่ได้เป็นฝ่ายผิด นี่คือข้อดีที่สำคัญของการเคลมผ่านคู่กรณี หากการเจรจากับคู่กรณีสำเร็จ คุณจะไม่ต้องรับภาระทางการเงิน และยังสามารถรักษาส่วนลดประวัติดีได้

เคลมแบบไหน ทำให้เบี้ยขึ้นในปีหน้า?

ทุกครั้งที่เคลมประกันรถยนต์ สิ่งที่เจ้าของรถมักกังวลคือ “ต้นทุน” ในปีถัดไป ซึ่งจะถูกกำหนดโดยหลายปัจจัย เช่น ประเภทของการเคลม, ขนาดของความเสียหาย และสิ่งสำคัญที่สุด คือ การสูญเสีย NCB ซึ่งส่งผลต่อการคำนวณเบี้ยประกันปีถัดไป

  • เคลมเอง

    หากคุณเคลมเองและไม่แจ้งคู่กรณี เบี้ยประกันในปีถัดไปจะมีแนวโน้มที่สูงขึ้น เนื่องจากบริษัทประกันจะมองว่าคุณเคลมจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณเอง แม้ว่าจะไม่ใช่ความผิดของคุณก็ตาม การสูญเสีย NCB อาจทำให้เบี้ยเพิ่มสูงขึ้น 10-30% ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทประกัน

  • เคลมผ่านคู่กรณี

    การเคลมผ่านคู่กรณีจะไม่ทำให้เบี้ยประกันของคุณเพิ่มขึ้น หากคุณไม่ใช่ฝ่ายผิด นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณรักษา NCB ที่จะทำให้เบี้ยประกันในปีถัดไปไม่สูงเกินไป ดังนั้นการเคลมผ่านคู่กรณีถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี หากคุณต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกันในอนาคต

    หากคุณมีประกันรถยนต์ชั้น 1 และเคลมบ่อย ๆ จะทำให้เบี้ยประกันของคุณสูงขึ้นในปีถัดไป เนื่องบริษัทประกันมองว่าคุณเป็นลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูง ในขณะที่ประกันชั้นอื่น ๆ อาจมีการขึ้นเบี้ยประกันไม่มากนัก แนะนำให้เปรียบเทียบประกันรถยนต์ให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ

เมื่อไหร่ที่ควรเคลมเงียบ และเมื่อไหร่ควรแจ้งคู่กรณี?

หลายคนอาจมีคำถามว่าเมื่อใดควรเคลมเงียบหรือเคลมแห้ง และเมื่อใดที่ควรแจ้งคู่กรณีเพื่อเคลมประกันผ่านพวกเขา มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้รวบรวมคำตอบที่เป็นประโยชน์มาให้แล้ว ตามไปทำความเข้าใจพร้อม ๆ กันเลย

  • เคลมเงียบ (เคลมแห้ง)

    การเคลมเงียบ คือ การเคลมประกันโดยไม่แจ้งคู่กรณี ซึ่งวิธีนี้เหมาะสำหรับกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย และไม่ต้องการให้เกิดความยุ่งยากทางกฎหมาย หรือมีขั้นตอนที่ซับซ้อน เช่น ขับรถชนเสา การเกิดรอยขีดข่วนเล็กน้อย ฯลฯ การเคลมเงียบจะทำให้คุณสามารถซ่อมแซมรถได้เร็วขึ้น แต่ต้องระวังเรื่องผลกระทบต่อส่วนลดประวัติดีในปีถัดไป

  • แจ้งคู่กรณี

    หากคุณไม่ใช่ฝ่ายผิดและมีคู่กรณีที่ชัดเจน การแจ้งคู่กรณีจะเป็นทางเลือกที่ดี เพราะไม่เพียงแต่จะไม่กระทบกับส่วนลดประวัติดีของคุณ แต่ยังทำให้คุณไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้คุณต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ในกรณีที่มีความเสียหายมาก

การเลือกว่าจะเคลมประกันรถยนต์เอง หรือเคลมผ่านคู่กรณีขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงความผิดของผู้ขับขี่และความสะดวกในการจัดการกับประกันแต่ละประเภท การเคลมผ่านคู่กรณีจะมีข้อดีในการรักษาส่วนลดประวัติดี และช่วยให้เบี้ยประกันในปีถัดไปไม่สูงขึ้น แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยและคุณต้องการการแก้ไขที่รวดเร็ว การเคลมเองก็อาจจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม

คำจำกัดความ

เคลมเงียบ การเคลมประกันรถยนต์แบบไม่มีคู่กรณี ที่ผู้เอาประกันภัยสามารถนำรถเข้าซ่อม ณ อู่ในเครือของบริษัทประกันได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ประกันภัยมาตรวจสอบ ณ ที่เกิดเหตุ
ประเภทการเคลม การเคลมประกันแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ "เคลมสด" (Fresh Claim) และ "เคลมแห้ง" (Dry Claim) โดยมีความแตกต่างกันในเรื่องของการแจ้งเคลมและลักษณะของอุบัติเหตุ
ส่วนลดประวัติดี ​​ส่วนลดค่าเบี้ยประกันที่บริษัทประกันมอบให้กับผู้เอาประกันภัยที่ไม่มีประวัติการเคลมในปีที่ผ่านมา หรือมีประวัติการเคลมที่เป็นฝ่ายถูก

เปรียบเทียบราคา หรือ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

02 080 9292 @mrkumka

บทความที่น่าสนใจ

เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่

Black Ribbon Top Left