แอร์ไม่เย็น มีแต่ลม ล้างแอร์รถยนต์ ช่วยได้ ! แต่ต้องทำบ่อยแค่ไหน

แชร์ต่อ
สาเหตุที่ทำให้แอร์ไม่เย็น ต้องล้างแอร์รถยนต์

ปัญหา “แอร์ไม่เย็น” ผิดกับช่วงแรกที่ออกรถมาใหม่ ๆ การล้างแอร์รถยนต์ ช่วยได้หรือไม่ !? เพราะต่อให้เร่งแอร์จนสุด แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเย็นขึ้นมาแม้แต่น้อยหรือบางครั้งมีแต่ลมออกมา ส่งผลให้การเดินทางไม่ราบรื่น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพราะอะไร ? และมีวิธีการแก้ไขปัญหาน่าปวดหัวนี้อย่างไร ? MrKumka ได้รวบรวมรายละเอียดต่าง ๆ มาให้คุณได้ทำความเข้าใจเรียบร้อยแล้ว ไปติดตามพร้อม ๆ กันได้เลย !

สาเหตุที่ทำให้แอร์ไม่เย็น ต้องล้างแอร์รถยนต์

ขั้นตอนการล้างแอร์รถยนต์ด้วยตัวเอง

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “สาเหตุ” ที่ทำให้แอร์ไม่เย็น มีแต่ลม มีอยู่หลายประการด้วยกัน แต่เพื่อความแน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ผิดปกติมากน้อยอย่างไร ? แนะนำให้ลองเช็กสิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้ดูก่อน !

1. แอร์รั่ว สายท่อแอร์ ตู้แอร์ หรือข้อต่อต่างๆ รั่วซึม

หากสายท่อแอร์ ตู้แอร์ หรือข้อต่อต่าง ๆ เกิดรอยรั่ว ไม่ว่าจะมากหรือน้อยเพียงใดก็ตาม ล้วนเป็นชนวนเหตุสำคัญที่ทำให้แอร์ไม่เย็นได้เช่นกัน สามารถพิสูจน์ได้ง่าย ๆ ด้วยการนำน้ำสบู่มาตีให้เป็นฟอง แล้วนำไปทาตามบริเวณข้อต่อต่างๆ ของระบบทำความเย็น หากบริเวณจุดไหนเกิดเป็นฟองอากาศลอยขึ้นมา ก็แสดงว่าจุดนั้นเองที่เกิดการรั่วซึม สามารถแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ง่าย ๆ คือ “ขันให้แน่น”

2. น้ำยาแอร์หมด

ไม่ว่าจะน้ำยาแอร์หมด ล้วนส่งผลทำให้แอร์รถยนต์ไม่เย็นได้เช่นกัน แถมยังทำให้มีลมร้อนออกมาจากช่องแอร์อย่างต่อเนื่อง แนะนำให้ทำการสตาร์ตรถยนต์ พร้อมกับเปิดระบบเครื่องปรับอากาศ A/C เพื่อให้คอมเพรสเซอร์ทำงาน และสังเกตน้ำยาที่อยู่ระหว่างแผงระบายความร้อนด้านหน้ารถ หากพบว่ามีฟองอากาศเล็ก ๆ แสดงว่าน้ำยาแอร์กำลังจะหมด ให้รีบเติมเป็นการด่วน

3. ระบบระบายความร้อนบนแผงคอยล์ร้อนไม่ดี

แนะนำให้ทำการตรวจสอบด้วยการเปิดฝากระโปรง ติดเครื่องยนต์ และเปิดแอร์ไว้ รวมถึงให้ทำการสังเกตพัดลมหน้าแผงคอยล์ร้อนว่ามีเสียงดัง หรือเกิดการหมุนที่ช้าลงหรือไม่ ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาได้ง่าย ๆ คือ เปลี่ยนพัดลมใหม่ หรือทำความสะอาดแผงคอยล์ร้อย เพื่อให้การระบายความร้องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

การล้างแอร์คืออะไร มีแบบไหนบ้าง ?

การล้างแอร์ คือ การดูแลรถยนต์ ทำให้แอร์รถยนต์กลับมาใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ มีลมเย็นที่เหมาะสม ไม่ใช่มีแต่ลมร้อน หรือเย็นจัดจนเกินไป ซึ่งตามปกติแล้วควรทำความสะอาดแอร์ (ล้างแอร์) รถยนต์ “อย่างน้อย” ปีละ 1 ครั้ง หรือทุก ๆ 20,000 กิโลเมตรขึ้นไป แต่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้รถยนต์ของแต่ละคนเป็นสำคัญด้วย และในปัจจุบันการล้างแอร์รถยนต์ก็มีอยู่ทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้

  • 1. ล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้

    เป็นการรื้อตู้แอร์และคอยล์เย็นออกมาล้างทำความสะอาด ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการที่สามารถล้างแอร์รถยนต์ได้ทุกซอกทุกมุม แถมยังช่วยให้สามารถตรวจเช็กสภาพของตู้แอร์ได้อีกด้วย หากพบว่าเกิดปัญหาก็จะได้แก้ไขอย่างทันท่วงที แต่ก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และใช้เวลานานกว่าการล้างแอร์วิธีอื่น ๆ

  • 2. ล้างแอร์รถยนต์แบบไม่ถอดตู้

    การล้างแอร์ด้วยวิธีนี้ เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ล้างแอร์เป็นประจำอยู่แล้ว โดยช่างผู้เชี่ยวชาญจะทำการ “ฉีดโฟม” หรือ “น้ำยาทำความสะอาด” เข้าไปที่แผงคอยล์เย็น หลังจากนั้นก็ใช้แปรงล้างทำความสะอาด ข้อดีคือมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูง เนื่องจากไม่ต้องรื้อตู้แอร์ออกมา แถมยังใช้เวลาไม่นานอีกด้วย

  • 3. ฉีดสเปรย์ทำความสะอาดตู้แอร์

    สำหรับวิธีการนี้ถือว่าง่าย และสะดวกสบายมาก ๆ เพียงฉีดสเปรย์ให้ทั่วคอยล์เย็น แล้วทิ้งไว้เป็นเวลา 30 นาที หากคุณเป็นคนที่ใช้รถในเมือง และมีฝุ่นค่อนข้างเยอะ แนะนำให้ฉีดสเปรย์ 2-3 ครั้งต่อเดือน ซึ่งบอกเลยว่าแม้จะเป็นวิธีการที่ค่อนข้างง่าย ใช้เวลาไม่นาน แต่ในส่วนของ “ค่าใช้จ่าย” นั้น แพงกว่าวิธีการอื่น ๆ ไม่น้อยเลยทีเดียว

ล้างแอร์รถยนต์ด้วยตัวเอง ทำได้มั้ย ?

หลายคนมักมีข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะคนที่ไม่สะดวกที่จะนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการเพื่อล้างทำความสะอาดแอร์ จริง ๆ แล้วสามารถ “ล้างแอร์ด้วยตัวเอง” ได้ง่าย ๆ เพียงเท่านี้รถยนต์ของคุณก็จะมีแอร์ที่เย็นฉ่ำ สะอาด แก้กลิ่นอับในรถ ที่คอยกวนใจ ซึ่งวิธีการล้างแอร์ด้วยตัวเองแบบ “ไม่ถอดตู้แอร์ด้วยน้ำยาโฟม” มีดังนี้

  • ทำการคลายหมุดตู้แอร์ก่อน โดยปกติแล้วจะอยู่ใต้คอนโซลฝั่งคนขับ ซึ่งในส่วนนี้แนะนำให้ถอดเฉพาะฝาตู้แอร์ หรือแผงกรองแอร์ออกมาเท่านั้น
  • ฉีดน้ำยาล้างตู้แอร์รถยนต์เข้าไปให้ทั่ว แล้วรอโฟมละลายเป็นเวลา 20 นาที หลังจากนั้นใช้แปรงขัดส่วนที่ยังคงสกปรกให้สะอาด
  • หลังจากแน่ใจว่าทุกส่วนสะอาดดีแล้ว ให้ทำการฉีดน้ำตามเข้าไปในตู้แอร์ แล้วรอให้แห้งสนิทจึงค่อยประกอบตู้แอร์กลับเข้าไป

*หมายเหตุ: ไม่ต้องกลัวว่าภายในห้องโดยสารจะเปียกหรือเลอะเทอะ เพราะน้ำที่ฉีดเข้าไปจะไหลออกทาง “ช่องน้ำทิ้ง” ของตัวรถยนต์นั่นเอง

สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับ “แอร์รถยนต์” ที่เรานำมาบอกต่อในวันนี้ มีประโยชน์มากเลยใช่ไหมล่ะ ? แล้วยิ่งถ้าหากคุณไม่สะดวกที่จะนำรถยนต์เข้าศูนย์ ก็สามารถล้างแอร์รถยนต์ด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ แนะนำให้เลือกซื้อน้ำยาแอร์หรือโฟมทำความสะอาดที่มีมาตรฐานเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะตามมาในอนาคต เช่นเดียวกับเรื่องมาตรฐานของผู้ให้บริการประกันรถยนต์ ที่ต้องเลือกให้ดี เปรียบเทียบให้ชัวร์และคุ้มค่ากับคุณมากที่สุด เลือกซื้อประกันรถยนต์ของคุณที่ MrKumka ผู้ให้บริการประกันรถยนต์ชั้นนำในประเทศไทย รวมไว้ครบที่นี่แล้ว มั่นใจได้ในคุณภาพ ชัวร์สุดเรื่องความคุ้มค่าของประกันรถยนต์ คลิกเลยที่ MrKumka.com

เปรียบเทียบราคา หรือ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

บทความที่น่าสนใจ

เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่