เคยสงสัยไหมว่า ? บนหน้าปัดรถยนต์มี สัญญาณเตือนรถ อะไรที่คุณจำเป็นต้องรู้บ้าง !? บางคนใช้รถอาจมองว่าไม่สำคัญ บางคนไว้แค่ดูระดับน้ำมันที่ใกล้จะหมดด้วยซ้ำ ซึ่งในความเป็นจริงมีเรื่องที่คุณต้องทำความเข้าใจมากมาย เพราะทุกการเตือนอาจหมายถึง “ปัญหา” ของตัวรถที่อาจตามมาไม่รู้จบ หากคุณละเลยหรือนำรถเข้าไปตรวจเช็กช้าเกินไป
MrKumka ได้รวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับ “ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์” มาให้คุณได้ทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กัน อะไรบ้างที่คุณต้องรู้ มือใหม่หัดขับเซฟไว้อ่านได้เลย
นอกจากสัญญาณเตือนบนหน้าปัดรถ จะบ่งบอกถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว “สี” ที่ปรากฏออกมาในรูปแบบสัญญาณเตือนต่าง ๆ ยังบ่งบอกถึง “ระดับความรุนแรง” ได้อีกด้วย เราไปดูกันเลยว่าความหมายของแต่ละสี หมายความว่าอย่างไรกันบ้าง ?
หมายถึง “อันตราย” แนะนำให้จอดรถในที่ที่ปลอดภัย พร้อมกับตรวจหาความผิดปกติตามสัญลักษณ์ที่ปรากฏทันที
หมายถึง “สัญญาณเตือน” แต่รถยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ เช่น น้ำมันรถใกล้จะหมด
หมายถึง “ปกติ” ผู้ขับขี่กำลังใช้ระบบนั้น ๆ อยู่ เช่น ไฟขอทาง ไฟเลี้ยว
หากสังเกตดี ๆ จะพบว่าสัญลักษณ์ต่าง ๆ บนหน้าปัดรถยนต์มีเยอะมาก ๆ ชนิดที่ว่ามากกว่า 10 สัญลักษณ์ก็ว่าได้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูกันเลยดีกว่าว่าแต่ละสัญลักษณ์มีความหมายว่าอย่างไรบ้าง
หมายความว่าน้ำมันรถกำลังจะหมด แนะนำให้รีบค้นหา “ปั๊มน้ำมันใกล้ฉัน” เพื่อเติมน้ำมันทันที เพราะเมื่อใดก็ตามที่สัญลักษณ์นี้ปรากฏขึ้น หมายความว่าน้ำมันรถยนต์ของคุณเหลือเพียง 10% ของถังน้ำมันแล้ว หรือพูดง่าย ๆ ว่าสามารถขับต่อไปได้อีกประมาณ 50 กิโลเมตร หรือบางรุ่นก็อาจจะน้อยกว่านี้
ตามปกติแล้วสัญลักษณ์ที่หน้าตาคล้ายกับเครื่องยนต์ จะปรากฏทุกครั้งเมื่อตอนคุณสตาร์ทรถเท่านั้นสักพักก็จะดับไปเอง แต่ถ้าหากสังเกตว่าสัญลักษณ์ดังกล่าวยังคงปรากฏอยู่ตลอดที่เครื่องติด หมายความว่า “เครื่องยนต์ของคุณกำลังมีปัญหา” ไม่ควรฝืนขับต่อแม้ว่าจะยังสามารถใช้งานได้ก็ตาม แนะนำให้เข้าศูนย์บริการหรืออู่ซ่อม เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุและซ่อมจะดีกว่า
สัญลักษณ์รูปคนนั่งเก้าอี้ และมีลูกโป่งกลม ๆ คือ สัญลักษณ์ Airbag จะปรากฏขึ้นในตอนที่คุณสตาร์ทรถและดับลงไปเอง แต่ถ้าหากปรากฏขณะขับรถและไม่มีทีท่าว่าจะดับแม้แต่น้อย หมายความว่า “Airbag รถของคุณกำลังมีปัญหา” แนะนำให้นำเข้าศูนย์เพื่อเช็กโดยด่วน เพราะถ้าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา Airbag อาจไม่ทำงาน จนก่อให้เกิดเหตุร้ายแรงตามมา
สัญลักษณ์เครื่องหมายตกใจ คือ “เครื่องหมาย Parking break” หมายความว่า “คุณกำลังดึงเบรกมือเอาไว้” นั่นเอง แต่ในกรณีที่คุณเอาเบรกมือลงแล้ว แต่สัญลักษณ์ดังกล่าวยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ หมายความว่า “น้ำมันเบรกของคุณลดลง หรือมีปริมาณต่ำ” แล้วถ้าหากเติมน้ำมันเบรกเรียบร้อยแล้ว สัญลักษณ์ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม แนะนำให้เข้าไปเช็กที่ศูนย์บริการอย่างถี่ถ้วนจะดีที่สุด
หากสัญลักษณ์พวงมาลัย ที่มีเครื่องหมายตกใจอยู่ข้าง ๆ (สีแดง) ปรากฏขึ้น หมายความว่า “ระบบพวงมาลัยกำลังมีปัญหา” ส่วนใหญ่จะมีเฉพาะรถยนต์ที่ใช้พวงมาลัยไฟฟ้า ระบบ EPS เท่านั้น ผลที่ตามมาคือพวงมาลัยของคุณจะมีความหน่วง บังคับเลี้ยวได้ค่อนข้างยาก แนะนำให้ตั้งสติและประคับประคองรถยนต์ไปจนถึงศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมบริเวณใกล้เคียง เพื่อตรวจสอบและซ่อมโดยเร็วที่สุด เพราะถ้าหากฝืนใช้งานต่อไปอาจทำให้เกิดรถมีปัญหาต่าง ๆ ตามมาไม่รู้จบ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณ
หากสัญลักษณ์ที่มีคำว่า ABS ปรากฏขึ้น หมายความว่า “ระบบเบรกกำลังมีปัญหา” แม้ว่าในส่วนนี้จะไม่ได้ทำให้พวงมาลัยหนัก บังคับเลี้ยวได้ยาก หรือใด ๆ ก็ตาม แต่ก็ควรนำรถเข้าไปที่ศูนย์บริการ หรือ อู่ซ่อมรถใกล้ฉัน เพื่อซ่อมแซม เช็คความปลอดภัยในทันที เพราะถ้าหากระบบเบรกไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ๆ
สัญลักษณ์กาต้มน้ำหรือตะเกียงคือสัญลักษณ์แรงดันน้ำมันเครื่องต่ำ หมายความว่า “รถของคุณกำลังมีปัญหา” ที่ส่วนของน้ำมันหล่อลื่นในเครื่องยนต์ซึ่งอันตรายมาก แนะนำให้นำรถเข้าจอดข้างทาง หรือที่ที่ปลอดภัยโดยด่วน อย่าฝืนขับต่อโดยเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัย เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์ของคุณได้รับความเสียหายหนักกว่าเดิม
กรณีที่ค้นหาในอินเทอร์เน็ตแล้วพบว่ามีศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก ให้ประคับประคองขับรถเพื่อตรวจเช็กสภาพน้ำมันเครื่องและจัดซ่อมได้ แต่ถ้าหากอยู่ไกลควรโทรเรียกช่างหรือผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า
สัญลักษณ์เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิ หมายความว่า “หม้อน้ำกำลังเดือดหนักมาก” ควรนำรถเข้าข้างทางทันที อย่าคิดฝืนขับต่อจนกว่าเครื่องยนต์จะเย็นลง เมื่อเครื่องยนต์เย็นลงแล้วให้ทำการ “เปิดหม้อน้ำ เพื่อเช็กดูระดับน้ำ” หากพบว่าลดลงให้เติมน้ำเข้าไป อย่าละเลยเรื่องนี้เด็ดขาด เพราะไม่อย่างนั้น “ค่าใช้จ่ายก้อนโต” จะตามมารังควานคุณแบบไม่รู้จบ
เป็นอย่างไรกันบ้าง ? สำหรับสัญญาณเตือนบนหน้าปัดรถ “บางส่วน” ที่เรานำมาบอกต่อในวันนี้ ช่วยให้การใช้รถใช้ถนนของคุณง่ายขึ้นมากเลยใช่ไหมล่ะ ? สำหรับคนที่เดินทางคนเดียวบ่อย ๆ และเป็นกังวลในเรื่องขอความช่วยเหลือ แนะนำให้ “ซื้อประกันรถยนต์” ที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมเอาไว้ เพราะส่วนใหญ่จะมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง รวมถึงบริการรถลาก รถยก คอยให้บริการคุณอยู่ตลอด หากไม่รู้ว่าจะซื้อประกันกับที่ไหน กรมธรรม์ใดที่ตอบโจทย์ เปรียบเทียบประกันรถยนต์ออนไลน์กับ MrKumka.com ได้ทันที คลิกเลย
เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่
5 รุ่นรถยนต์สำหรับรถครอบครัว เลือกรุ่นไหนถึงคุ้มค่าแถมราคาดี