เมืองไทยเป็นเมืองร้อน แม้จะเข้าสู่หน้าฝนเต็มตัวก็ยังคงอบอ้าว คงจะไม่ดีแน่หากต้องเดินทางไกลแล้วแอร์รถไม่เย็น แต่เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดจากสาเหตุใด เป็นเพราะลืมเติมน้ำยาแอร์รถยนต์ หรือจากสาเหตุอื่น ๆ มิสเตอร์ คุ้มค่า รวมเรื่องควรรู้เกี่ยวกับประเด็นรถแอร์ไม่เย็นมาให้แล้ว ตามไปทำความเข้าใจแบบเจาะลึกพร้อม ๆ กันเลย
หน้าที่หลักของน้ำยาแอร์ในระบบแอร์รถยนต์คืออะไร?
น้ำยาแอร์รถยนต์ หรือที่เรียกกันว่า สารทำความเย็น (Refrigerant) คือของเหลวชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติในการดูดซับและระบายความร้อนภายในระบบปรับอากาศของรถยนต์ โดยจะหมุนเวียนอยู่ในระบบแอร์เพื่อเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นไอ และจากไอกลับเป็นของเหลว เพื่อควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เย็นสบาย โดยมีหน้าที่หลัก ดังนี้
ดูดซับความร้อนจากภายในห้องโดยสาร
น้ำยาแอร์จะไหลผ่านอีวาโปเรเตอร์ (Evaporator) ซึ่งอยู่ภายในรถ และดูดซับความร้อนจากอากาศที่ผ่านเข้ามา
ระบายความร้อนออกนอกตัวรถ
หลังจากดูดซับความร้อน น้ำยาแอร์จะถูกอัดโดยคอมเพรสเซอร์และส่งไปยังคอนเดนเซอร์ (Condenser) เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอก
หมุนเวียนในระบบอย่างต่อเนื่อง
น้ำยาแอร์จะเปลี่ยนสถานะไปมาและหมุนเวียนในระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แอร์รถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาการของน้ํายาแอร์รถยนต์หมดมีอะไรบ้าง?
สังเกตจาก ‘อาการของแอร์’ และการตรวจเช็กระบบเบื้องต้น เท่านี้ก็จะทำให้ได้คำตอบแล้วว่าควรเติมน้ำยาแอร์รถยนต์แล้วหรือยัง โดยสัญญาณที่บ่งชี้ว่าแอร์เริ่มมีปัญหา อากาศร้อน แอร์รถไม่เย็น อาจถึงเวลาต้องเติมน้ำยาสักที มีดังนี้
- ปรับแอร์ไปที่เย็นสุดแล้ว แต่ลมออกมาแค่อุ่น ๆ หรือพอเย็น ต่างจากตอนปกติชัดเจน
- ต้องสตาร์ทรถนานกว่าเดิมกว่าแอร์จะเย็น
- แม้ว่าจะเปิดแอร์แรงสุด แต่ลมเหมือนออกมาน้อยกว่าปกติ (อาจเกิดจากความชื้น หรือน้ำแข็งเกาะในระบบ เพราะน้ำยาแอร์ต่ำ)
- หากน้ำยาแอร์ขาด คอมเพรสเซอร์แอร์จะทำงานหนักกว่าปกติ อาจมีเสียงกึก ๆ หรือดังผิดปกติ
- มีไอน้ำหรือน้ำแข็งเกาะที่ท่อน้ำยาแอร์ บ่งบอกว่าน้ำยาแอร์ขาดสมดุลหรืออยู่ในระดับต่ำ
ปกติแล้วน้ำยาแอร์รถยนต์ทั่วไปอยู่ได้ประมาณ 2-3 ปี โดยไม่ต้องเติม (ถ้าระบบไม่มีรอยรั่ว) หากต้องเติมบ่อย เช่น ปีละ 1-2 ครั้ง อาจเป็นไปได้ว่าระบบมีรอยรั่ว ควรให้ช่างตรวจเช็กอย่างละเอียด เพื่อป้องกันปัญหาอื่น ๆ ที่อาจตามมาในภายหลัง
วิธีแก้ไขแผงคอยล์ร้อน พร้อมวิธีทำความสะอาด
หากตรวจเช็กดีแล้วและพบว่าสาเหตุที่ทำให้รถแอร์ไม่เย็น เกิดจากแผงคอยล์ร้อนมีปัญหา วิธีการแก้ไขดีที่สุด คือ ซ่อมแอร์รถยนต์หรือเปลี่ยนพัดลมหน้าแผงคอยล์ใหม่ รวมถึงทำความสะอาดแผงคอยล์อย่างถูกต้อง ดังขั้นตอนต่อไปนี้
- แกะกันชนออก เพื่อให้ง่ายต่อการล้างทำความสะอาด
- ฉีดน้ำไล่คราบสกปรกที่แผงคอยล์ร้อนให้ทั่ว
- เทน้ำยาล้างคอยล์แอร์เข้าไป และรอให้มีฟองฟูออกมา (ระวังอย่าให้กระเด็น)
- ใช้แปรงสีฟันนุ่ม ๆ ขัดตามแนวบนลงล่าง อย่าขัดตามขวางเพราะอาจทำให้ครีบล้มได้
- ฉีดน้ำล้างให้สะอาด โดยฉีดจากบนลงล่าง
- ประกอบกันชนเข้าที่เดิม สตาร์ทรถและเปิดแอร์เพื่อให้พัดลมเป่าน้ำออก
แอร์รถยนต์พังเพราะเครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท เคลมประกันได้ไหม?
คำตอบคือ เคลมไม่ได้ เนื่องจากถือเป็นความเสียหายที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของรถ หรือการใช้งาน ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ นอกจากนี้ความร้อนจากเครื่องยนต์ที่ส่งผลให้แอร์รถไม่เย็น คอมเพรสเซอร์แอร์ไหม้ แผงแอร์ ฯลฯ ถือเป็นการชำรุดทางกลไก ซึ่งประกันไม่ได้ให้ความคุ้มครองอยู่แล้ว แม้ว่าจะเป็นประกันชั้น 1 ก็ตาม
ทั้งนี้ หากแอร์พังเพราะรถชน เช่น หน้ารถชนจนคอมเพรสเซอร์แอร์แตก สามารถแจ้งเคลมประกันได้ หรือถ้าซื้อ “ประกันเครื่องยนต์เพิ่มเติม” ก็อาจคุ้มครองบางส่วน แนะนำว่าให้เปรียบเทียบประกันรถยนต์ให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ โดยสามารถเข้ามาเช็กแผนและราคาได้ที่เว็บไซต์ มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้คุณได้รับความอุ่นใจในราคาจับต้องได้ตลอดอายุกรมธรรม์
ทั้งนี้ หากพบว่าเครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท วิธวินท์ ไตรพิศ ผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์จากนิตยสาร Autoinfo ให้คำแนะนำว่า “หากพบว่าเข็มวัดอุณหภูมิของเครื่องยนต์ขึ้นสูงเกินปกติ ควรหยุดรถในที่ปลอดภัยและดับเครื่องยนต์ทันที เพื่อป้องกันความเสียหายต่อเครื่องยนต์ และควรตรวจสอบระบบหล่อเย็นของรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันปัญหาโอเวอร์ฮีทในอนาคต” (ที่มา : https://www.autoinfo.co.th/article/410683?utm_source=chatgpt.com)
วิธีเปิดแอร์รถยนต์ที่ถูกต้อง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสาเหตุที่แอร์รถไม่เย็น จนต้องเข้าร้านซ่อมแอร์รถยนต์บ่อย ๆ ล้วนเกิดจากปัญหาเครื่องยนต์มากกว่าที่คิด ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมาในระยะยาว ควรเปิด-ปิดแอร์รถยนต์ให้ถูกต้อง เพราะนอกจากจะช่วยยืดอายุของรถ อะไหล่รถยนต์หรือชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์แล้ว ยังช่วยให้แอร์ของคุณไม่มีกลิ่นเหม็นอับ เย็นฉ่ำอีกด้วย โดยหลัก ๆ แล้ววิธีการเปิด-ปิดแอร์ที่ถูกต้องมีดังนี้
- ปิดสวิตซ์ A/C ก่อนกดปุ่มพุชสตาร์ทหรือสตาร์ทรถเสมอ เพื่อไม่ให้คอมเพรสเซอร์ฉุดในขณะที่กำลังจะสตาร์ทรถ (ควรทำแบบนี้ทุกครั้งเวลาใช้รถ) และควรปิดปุ่ม A/C ก่อนถึงที่หมายหรือก่อนหยุดรถราว ๆ 5-10 นาที
- หลังจากที่สตาร์ทรถแล้ว ไม่ควรเปิดแอร์ปรับอุณหภูมิทันที ให้เปิดพัดลมแรง ๆ ก่อน เพื่อไล่ความร้อนในระบบแอร์ออก จากนั้นค่อยเปิดสวิตซ์ A/C และปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม
- ควรเปิดพัดลมความแรงสูงสุดทุกครั้งที่จอดรถไว้กลางแจ้ง เพื่อไล่ความร้อนในรถออกไปก่อน และอย่าเพิ่งเปิดสวิตซ์ A/C ให้เป่าลมสัก 5 นาทีก่อน เพื่อให้ความชื้นและความร้อนหายไปให้หมด
- พยายามอย่าเปิดกระจกรถบ่อย เพราะจะทำให้ความร้อน รวมถึงฝุ่นจากภายนอกเข้ามาในรถ ทำให้ช่องแอร์อุดตัน ส่งผลให้แอร์รถยนต์พังเร็วกว่าที่คิด
- ควรไล่น้ำออกจากตู้แอร์ทุกครั้งก่อนดับเครื่องยนต์ หากท่องน้ำทิ้งไม่มีน้ำหยดแสดงว่าท่ออุดตัน ควรทำความสะอาดทันที เพราะถ้าหากปล่อยไว้อาจทำให้แอร์รั่วซึมได้
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการที่แอร์รถยนต์ทำงานผิดปกติไปจากเดิม อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ หากต้องการแก้ไขปัญหาแอร์รถไม่เย็นอย่างถูกจุด ก่อนเติมน้ำยาแอร์รถยนต์ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็กอย่างละเอียด เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะลุกลามมากกว่าเดิม ทั้งนี้อย่าได้คิดเติมน้ำยาแอร์โดยไม่รู้เด็ดขาด เพราะเติมเกินก็มีส่วนทำให้รถแอร์ไม่เย็น เสี่ยงคอมเพรสเซอร์พังได้เช่นกัน
คำจำกัดความ
แผงคอยล์ร้อน | ส่วนประกอบหลักในระบบปรับอากาศที่ทำหน้าที่ระบายความร้อนออกจากสารทำความเย็น (น้ำยาแอร์) ที่เปลี่ยนสถานะจากแก๊สแรงดันสูงเป็นของเหลวแรงดันสูง |
พร่อง | ไม่เต็มเพราะลด หรือขาดไป, ยุบ หรือลดลงไปจากเดิม |
สารเจือปน | สารที่ถูกผสม หรือเจือปนลงไปในสารชนิดหนึ่งอย่างลับๆ หรือโดยไม่ได้รับอนุญาต |