รถไฟฟ้า BYD ในไทยมีกี่รุ่น? มาทำความรู้จัก BYD ทุกรุ่นกัน

ทำไมรถไฟฟ้า BYD ถึงได้รับความนิยมในไทย?

Build Your Dreams หรือ BYD ชื่อเต็มว่า BYD Auto Co., Ltd. เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีน ที่ผลิตรถยนต์หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่, รถยนต์ไฮบริด รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง รถบรรทุก รถบัส ฯลฯ และยังได้มีส่วนร่วมกับ Mercedes-Benz ในการผลิตรถหรูตระกูล Denza

ในปี ค.ศ.2008 ผู้ผลิตรถยนต์ได้ถูกซื้อจากนักธุรกิจผู้มีรายได้มหาศาล อย่าง Warren Buffett ผ่านบริษัท Sino-American Energy Holdings ในเวลาเดียวกันกับการเปิดตัวรุ่นไฮบริดของรถยนต์ BYD F3 และการส่งออกไปต่างประเทศ-ไปยังตะวันออกกลาง อเมริกาใต้ และแอฟริกา นับเป็นระยะเวลาที่บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยการควบคุมกระบวนการทางเทคนิคอย่างเข้มงวด จนสร้างความไว้วางใจในระดับสูงของ BYD ในปี ค.ศ.2013

ความน่าสนใจของโลโก้รถไฟฟ้า BYD

“โลโก้” ของรถไฟฟ้าแบรนด์นี้ คือ BYD ซึ่งย่อมาจากชื่อเต็มของแบรนด์ Build Your Dreams หมายถึงสร้างฝันของคุณ ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงย้ำเรื่องความเชื่อในอนาคต แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญระดับสูง และความพร้อมในการทำงานอย่างรับผิดชอบ

พาส่อง 7 รุ่นรถไฟฟ้า BYD ที่เข้าไทย มีอะไรบ้าง?

สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนรถใหม่ หรือซื้อรถใหม่คันแรก และเกิดความสนใจรถไฟฟ้า BYD แต่ไม่รู้ว่ามีรุ่นไหนบ้าง หรือยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะซื้อรถรุ่นไหนดี วันนี้เราได้รวบรวม 7 รุ่นที่เข้าไทยมาให้ทำความรู้จักคร่าว ๆ จะน่าสนใจแค่ไหน ตามไปดูกันเลยดีกว่าว่า BYD มีกี่รุ่น

• 1. NEW BYD M6

  ราคารถยนต์ไฟฟ้า :

  • Dynamic (420 km) ราคา 829,900 บาท
  • Extended (530 km) ราคา 929,900 บาท

  สัมผัสประสบการณ์แห่งการเดินทางกับครอบครัว ไปพร้อมกับ NEW BYD M6 รถยนต์ไฟฟ้า 6 ที่นั่ง ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการได้เป็นอย่างดี ที่กว้างขวาง สะดวกสบาย พร้อมพาคุณและครอบครัวเดินทางไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล

  ข้อมูลทางเทคนิค :

  Dynamic

  • ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยมอเตอร์ซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร (PMS) ที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด และการตอบสนองที่รวดเร็ว มอบกำลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร
  • มาพร้อมพละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า
  • วิ่งได้ไกลสูงสุด 420 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
  • Blade battery ขนาด 55.4 kWh

  Extended

  • ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยมอเตอร์ซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร (PMS) ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น มอบกำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร
  • มาพร้อมพละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า
  • วิ่งได้ไกลสูงสุด 530 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
  • Blade battery ขนาด 71.8 kWh

• 2. BYD SEALION 6 DM-i

  ราคา : 939,900 บาท

  รถยนต์ C-SUV 5 ที่นั่ง หนึ่งเดียวของค่ายที่เป็นรถยนต์ Hybrid ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของ BYD มาพร้อมเทคโนโลยี DM-i Super Hybrid ที่ผสานพลังของมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร นำทีมเปิดตัวในประเทศไทยด้วยรุ่นย่อยที่ชื่อว่า Dynamic เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา

  ข้อมูลทางเทคนิค :

  • ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
  • ขับเคลื่อนด้วยระบบ DM-i Super Hybrid ที่ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดโดยเฉพาะ ผสานมอเตอร์ทรงพลัง และ BYD Blade battery ความปลอดภัยสูง เอกลักษณ์เฉพาะของ BYD
  • มอเตอร์ซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร (PMS) ให้กำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร
  • เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ออกแบบเฉพาะสำหรับปลั๊กอินไฮบริด ให้กำลังสูงสุด 72 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 122 นิวตันเมตร
  • BYD Blade battery (ลิเธียมไอออนฟอสเฟต) ขนาด 18.3 kWh

• 3. New BYD ATTO 3

  ราคา :

  • Dynamic ราคา 799,900 บาท
  • Premium ราคา 859,900 บาท
  • Extended ราคา 959,900 บาท

  สำหรับรถไฟฟ้า BYD ที่ขึ้นแท่นรถที่มียอดจดทะเบียนสูงสุดในไทย ต้องยกให้ New BYD ATTO 3 อัดแน่นด้วยการอัปเกรดรอบด้าน ผสานขุมพลัง ดีไซน์ และเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในราคาสุดคุ้ม

  ข้อมูลทางเทคนิค :

  • มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร
  • มาพร้อมกับแบตเตอรี่ BYD Blade battery ขนาด 50.25-60.48 kWh
  • ระยะทางวิ่งสูงสุด 410-480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

• 4. BYD SEAL

  ราคา :

  • Dynamic RWD ราคา 1,199,000 บาท
  • Premium RWDราคา 1,399,000 บาท 
  • Performance AWD 1,499,000 บาท

  กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าทรงสปอร์ตอยู่หรือเปล่า ถ้าคำตอบคือ ใช่ บอกเลยว่าคุณมาถูกทางแล้ว เพราะ BYD SEAL มาพร้อมกับทรงสปอร์ตพรีเมียมซีดาน กลุ่ม D Segment พ่วงมาด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย อัดแน่นด้วยฟังก์ชันใช้งานครบครัน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่

  ข้อมูลทางเทคนิค :

  Dynamic RWD

  • มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว 201 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง แรงบิด 310 นิวตันเมตร
  • แบตเตอรี่ Blade battery ขนาด 61.44 kWh
  • มอบอัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจ 0-100 กม./ชม. ใน 7.5 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม.
  • วิ่งได้ไกลสูงสุด 510 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

  Premium RWD

  • มอเตอร์ไฟฟ้าเกี่ยว 308 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง แรงบิด 360 นิวตันเมตร
  • แบตเตอรี่ Blade battery ขนาด 82.56 kWh
  • มอบอัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจ 0-100 กม./ชม. ใน 5.9 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม.
  • วิ่งได้ไกลสูงสุด 650 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

  Performance AWD

  • มอเตอร์คู่ 523 แรง้มา ขับเคลื่อนสี่ล้อ แรงบิด 670 นิวตันเมตร
  • แบตเตอรี่ Blade battery ขนาด 82.56 kWh
  • มอบอัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจ 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม.
  • วิ่งได้ไกลสูงสุด 580 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

• 5. BYD DOLPHIN

  ราคา :

  • Standard Range ราคา 569,900 บาท 
  • Extended Rangeราคา 709,900 บาท

  อยากเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าในไทยราคาประหยัด ห้ามพลาดกับ BYD DOLPHIN มาพร้อมกับดีไซน์ทันสมัย ขับขี่สนุก ประหยัดพลังงาน เป็น Hatchback 5 ประตู รถไฟฟ้าน้องเล็ก แต่คุณภาพเกินราคา

  ข้อมูลทางเทคนิค :

  • มาพร้อมกับมอเตอร์ซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร ให้กำลังสูงสุด 70 กิโลวัตต์ (95 แรงม้า) พร้อมแรงบิด 180 นิวตันเมตร มอบอัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจ 0-100 กม./ชม. ใน 12.5 วินาที
  • แบตเตอรี่ Blade Battery ความจุ 50.25 kWh ปลอดภัยกว่า อายุการใช้งานยาวนานกว่า วิ่งได้ไกลสูงสุด 435 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

• 6. BYD E6

  ราคา : 990,000 บาท

  สำหรับคนที่เน้นความประหยัด BYD E6 เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้ดี โดยรถรุ่นนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์เชิงพาณิชย์ มาพร้อมกับรูปทรงของรถ MPV รองรับผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มีพื้นที่เก็บสัมภาระได้ 580 ลิตร และถึงแม้รุ่นนี้จะเน้นความประหยัด แต่เรื่องระยะทางยังวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 520 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้งเลยทีเดียว

  ข้อมูลทางเทคนิค :

  • ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 95 แรงม้า
  • ขับเคลื่อนล้อหน้า และมีแรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร
  • แบตเตอรี่ขนาด 71.7 kWh
  • วิ่งได้ไกลถึง 520 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC)

• 7. BYD T3

  ราคา : 990,000 บาท

  สำหรับครอบครัวใหญ่ที่มีจำนวนสมาชิกค่อนข้างเยอะ เดินทางบ่อย และมีสัมภาระมากมาย BYD T3 เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะเป็นรถตู้ขนส่งไฟฟ้าขนาดเล็กเชิงพาณิชย์ 100% มาพร้อมกับดีไซน์กะทัดรัด พร้อมประตูตู้บรรทุก 3 ด้าน ช่วยให้การขนส่งเป็นเรื่องง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

  ข้อมูลทางเทคนิค :

  • ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 70 กิโลวัตต์ (94 hp)
  • ขับเคลื่อนล้อหน้า และมีแรงบิดสูงสุดถึง 180 นิวตันเมตร
  • แบตเตอรี่ขนาด 44.9 kWh
  • วิ่งได้ไกลถึง 275 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC)

การเปรียบเทียบรุ่นรถก่อนเปลี่ยนรถยนต์เป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ รวมถึงการเปรียบเทียบประกันรถยนต์ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะประกันรถ EV ที่มีเบี้ยประกันค่อนข้างสูง ถ้าอยากจะได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุม ตอบโจทย์ แนะนำให้เข้ามาเช็คเบี้ยและเปรียบเทียบกับ มิสเตอร์ คุ้มค่า ดูก่อน เพื่อให้รถคันใหม่ของคุณได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด

ข้อควรรู้ก่อนซื้อ BYD รถไฟฟ้า?

หลังจากที่ได้ทำความรู้จักรถไฟฟ้า BYD ทั้ง 6 รุ่นเรียบร้อยแล้ว และยังยืนยันว่า BYD จะเป็นรถใหม่ที่คุณอยากครอบครอง ก่อนตัดสินใจซื้ออยากให้รู้ “ข้อควรรู้ก่อนซื้อรถไฟฟ้า” ดังต่อไปนี้ก่อน เพื่อให้การตัดสินใจของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

• 1. ความจุแบตเตอรี่

  การที่รถจะวิ่งได้ไกลแค่ไหนขึ้นอยู่กับ “ความจุแบตเตอรี่” หมายความว่าถ้าต้องการให้รถวิ่งได้ไกลมากขึ้น ควรเลือกรุ่นรถที่มีความจุที่มากขึ้น แต่ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามไปด้วย

• 2. ระยะเวลาในการชาร์จ

  รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า BYD หรือแบรนด์ไหน ๆ มีระยะเวลาการชาร์จที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับขนาดและความจุของแบตเตอรี่ และสถานีชาร์จที่เลือกใช้ ดังนี้

  • การชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ใช้เวลาประมาณ 12-16 ชั่วโมง
  • การชาร์จเร็วจากตู้ชาร์จไฟฟ้า EV Charger ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง
  • การชาร์จด่วนจากสถานีชาร์จนอกบ้าน ที่ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ใช้เวลาประมาณ 40-60 นาที

• 3. การซ่อมบำรุง

  หากพูดถึงประเด็นการซ่อมบำรุง จะเห็นได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีข้อได้เปรียบหลายประการ ทำให้ค่าซ่อมบำรุงและค่าดูแลรักษา ‘ต่ำกว่า’ รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน เพราะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง แถมยังมีชิ้นส่วนน้อยกว่า ทำให้ไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิดกวนใจ

  แต่ในส่วนของ “ค่าอะไหล่” ของรถยนต์ไฟฟ้าจะแพงกว่าหลายเท่า หากเสียหายขึ้นมาอาจทำให้เกิดภาระทางการเงินก้อนโตได้ โดยเฉพาะราคาแบตเตอรี่รถไฟฟ้า BYD ที่สูงถึง 162,000-220,000 บาท

รถไฟฟ้า BYD กับข้อดีที่ตอบโจทย์ได้มากกว่า?

หลายคนที่ตัดสินใจเลือกซื้อรถไฟฟ้า BYD เป็นเพราะว่าเป็นรถพลังงานไฟฟ้า ที่ช่วยให้ประหยัดได้มากกว่ารถใช้น้ำมัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกเพียบ ที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการได้ในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้

• 1. ความปลอดภัย

  บริษัท BYD ตั้งในพัฒนาเทคโนโลยีที่มีมาตรฐานสูงสุดเพื่อความปลอดภัย รวมถึงการใช้งาน Blade Battery ที่มีความปลอดภัยสูง และมีการทดสอบอย่างเคร่งครัด จนแน่ใจว่ามีความเชื่อถือได้

• 2. การขับขี่ที่เงียบสงบ

  อีกหนึ่งข้อดีที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือการขับขี่ที่เงียบสงบ BYD รถไฟฟ้า ไม่มีเสียงเครื่องยนต์เมื่อเริ่มการทำงาน ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างเงียบสงบและสบายตลอดการเดินทาง

• 3. ความสะดวกสบาย

  รถยนต์ไฟฟ้า BYD มีการออกแบบภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบาย และมีความเป็นส่วนตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ที่ทำให้การขับขี่เต็มไปด้วยความสุขใจ รวมถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคุมอุณหภูมิในรถและระบบชาร์จ

• 4. คุณภาพและความน่าเชื่อถือ

  เนื่องจาก BYD เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง และมีประสิทธิภาพที่ได้รับการยอมรับจากตลาดรถยนต์โลก มีความเชื่อถือสูงจากผู้บริโภค และมีมาตรฐานคุณภาพที่สูงในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า