เคลือบแก้วรถยนต์ก่อนทำประกันดีไหม? เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย

แชร์บทความนี้
เคลือบแก้วรถยนต์ก่อนทำประกันดีไหม? เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย | มิสเตอร์ คุ้มค่า

หลายคนที่เพิ่งออกรถใหม่หรือกำลังวางแผนทำประกันรถยนต์ อาจเกิดคำถามว่าควรเคลือบแก้วรถยนต์ก่อนหรือหลังทำประกัน รวมถึงเกิดความสงสัยตามมา ว่าหากเคลือบไปแล้วเกิดอุบัติเหตุประกันจะซ่อมให้ไหม? มิสเตอร์ คุ้มค่า จะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุม ทั้งในแง่ของประโยชน์ ข้อควรระวัง รวมถึงความเกี่ยวข้องกับประกันภัยรถยนต์

เคลือบแก้วรถยนต์ คืออะไร?

การเคลือบแก้วรถยนต์ คือ การเคลือบผิวรถด้วยสารซิลิกาหรือโพลิเมอร์ เพื่อสร้างชั้นฟิล์มแข็งใสที่มีคุณสมบัติปกป้องสีรถจากรอยขีดข่วน ฝุ่นละออง คราบน้ำ และแสง UV ช่วยให้รถดูเงางามและดูใหม่อยู่เสมอ ถือเป็นหนึ่งในวิธีดูแลรถที่ได้รับความนิยมในหมู่คนรักรถ ปัจจุบันมีการเคลือบแก้วหลากหลายเกรด ตั้งแต่แบบธรรมดาไปจนถึงระดับพรีเมียม นอกจากคุณภาพจะต่างกันแล้ว ราคาเคลือบแก้วรถยนต์ก็ต่างกันด้วย ซึ่งอาจจะอยู่ที่ประมาณ 5,000-30,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดรถและวัสดุที่ใช้

ล่าสุด ซีทีเอส กรุ๊ป เตรียมลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการของศูนย์คีปเปอร์ โปรช็อป ศูนย์บริการเคลือบแก้วแท้ ๆ จากประเทศญี่ปุ่น นำเข้าผลิตภัณฑ์จากญี่ปุ่น 100% พร้อมช่างผู้เชี่ยวชาญตามมาตรฐานญี่ปุ่น ทุกกระบวนการผ่านมาตรฐานและได้คุณภาพตามที่คีปเปอร์ ประเทศญี่ปุ่นวางนโยบาย บริษัทฯ มั่นใจว่า คีปเปอร์โปรช็อปจะขยายตัวได้ดี เนื่องจากข้อมูลจากกรมขนส่งฯ ประเทศไทย ที่มีรถจดทะเบียนสะสม (นับเฉพาะรถยนต์นั่งส่วนบุคคล) มากกว่า 7.2 ล้านคัน และมีอัตราการออกรถใหม่ทุกปี เฉลี่ย 5 ปี (พ.ศ.2555-2559) อยู่ที่ 5-6 แสนคัน (ที่มา: https://www.sanook.com/auto/59493/)

เคลือบแก้วดีไหม? เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียกันหน่อย

ก่อนที่คุณจะตัดสินใจลงทุนกับการเคลือบแก้วรถยนต์ มาดูกันว่าจริง ๆ แล้วการทำแบบนี้ดีจริงไหม ตอบโจทย์หรือเปล่า และคุ้มค่าแค่ไหนเมื่อเทียบกับต้นทุน ถ้าพร้อมแล้วเราไปเปรียบเทียบเคลือบแก้วรถยนต์ ข้อดี ข้อเสียพร้อม ๆ กันเลย

เปรียบเทียบ ข้อดี ข้อเสีย การเคลือบแก้วรถยนต์ | มิสเตอร์ คุ้มค่า

ข้อดีของการเคลือบแก้วรถยนต์

  • ป้องกันรอยขีดข่วนเล็กน้อยจากกรวดหิน หรือการล้างรถ
  • ผิวรถเงางาม ดูใหม่อยู่เสมอ
  • ช่วยลดการเกาะของคราบน้ำและฝุ่น
  • ล้างรถง่ายขึ้น ประหยัดเวลาในการดูแล

ข้อเสียของการเคลือบแก้ว

  • มีต้นทุนค่อนข้างสูง โดยเฉพาะถ้าเลือกวัสดุคุณภาพสูง
  • ไม่สามารถป้องกันรอยหนัก หรือแรงกระแทกจากอุบัติเหตุได้
  • ต้องดูแลรักษาเป็นระยะ เช่น การเคลือบทับซ้ำ หรือดูแลตามคำแนะนำของศูนย์บริการ

ทั้งนี้ เคลือบแก้วรถยนต์ ข้อดี ข้อเสียมีความชัดเจนพอสมควร สำหรับคนที่รักรถหรืออยากให้รถคันโปรดดูใหม่ยาวนาน ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ต้องพิจารณางบประมาณและการใช้งานให้ดีก่อน

เคลือบแก้วรถยนต์แล้วโดนรถชน ประกันจะซ่อมยังไง?

คำถามนี้ถือเป็นประเด็นที่หลายคนสงสัย เพราะหลังจากลงทุนเคลือบแก้วรถยนต์ไปแล้ว หากรถเกิดอุบัติเหตุ รถโดนเฉี่ยว มีคู่กรณี หลายคนกังวลว่าการเคลมประกันรถยนต์ จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการเคลือบใหม่หรือไม่? คำตอบคือ “แล้วแต่กรณี และเงื่อนไขของประกันภัย” โดยทั่วไปหากคุณทำประกันรถยนต์ ชั้น 1 ซึ่งครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุ ไม่ว่าฝ่ายใดจะผิดหรือถูก ประกันจะรับผิดชอบค่าซ่อมสีตัวถังรถ แต่ “การเคลือบแก้วรถยนต์ ไม่ถือเป็นการซ่อมแซมตัวถังในมาตรฐานทั่วไป”

แล้วแบบนี้ประกันจะจ่ายไหม?

ขึ้นอยู่กับรายละเอียดในกรมธรรม์ บางบริษัทอาจให้คุณซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับการเคลือบแก้ว แต่ส่วนมากประกันจะไม่รวมค่าเคลือบแก้วใหม่ในการซ่อมทั่วไป หากคุณต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุม อาจต้องเลือกซื้อประกันภัยเสริมหรือคุ้มครองพิเศษ ซึ่งมักไม่ได้ระบุไว้ชัดเจนในแพ็กเก็จพื้นฐาน แนะนำให้เปรียบเทียบประกันรถยนต์ให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ

ทำไมบางบริษัทประกัน ไม่จ่ายค่าซ่อมเคลือบแก้วรถยนต์?

หลายคนที่ได้รู้มาว่าประกันชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง ก็มักคิดเหมือน ๆ กันว่าจะคุ้มครองกรณีเคลือบแก้วรถยนต์ด้วย โดยเฉพาะค่าเคลือบแก้วหลังจากเกิดอุบัติเหตุ แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมีเงื่อนไขบางอย่างที่ประกันไม่ครอบคลุม ลองมาดูกันว่าทำไมบางบริษัทถึงไม่จ่ายค่าซ่อมเคลือบแก้ว

  • เคลือบแก้วไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของตัวถังเดิมจากโรงงาน
  • ไม่มีราคากลางอ้างอิงชัดเจน ทำให้ตีมูลค่าความเสียหายยาก
  • ไม่ใช่ความเสียหายที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของรถยนต์
  • ประกันพิจารณาจากการซ่อมสี และชิ้นส่วนเป็นหลัก ไม่รวมบริการตกแต่งผิว

ดังนั้น หากคุณต้องการให้ค่าซ่อมเคลือบแก้วรวมอยู่ในการเคลม ต้องแจ้งประกันและสอบถามเงื่อนไขก่อนทำกรมธรรม์ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในภายหลัง

เคลือบแก้วก่อนหรือหลังทำประกัน แบบไหนดีกว่า?

การตัดสินใจจะเคลือบแก้วรถยนต์ก่อนหรือหลังทำประกัน เป็นสิ่งที่หลายคนลังเล เพราะแต่ละช่วงเวลามีข้อดีและข้อเสียต่างกัน เพื่อให้คุ้มค่าที่สุด เรามาเปรียบเทียบกันว่าแบบไหนเหมาะกับคุณมากกว่ากัน

เคลือบแก้วก่อนทำประกัน

  • ข้อดี: รถดูใหม่ สภาพดี อาจช่วยเพิ่มมูลค่าประเมินได้
  • ข้อเสีย: หากเกิดอุบัติเหตุทันทีหลังทำ อาจยังไม่สามารถเคลมการเคลือบได้

เคลือบแก้วหลังทำประกัน

  • ข้อดี: มีโอกาสเจรจากับตัวแทนประกัน เพื่อทำบันทึกไว้ในกรมธรรม์ได้
  • ข้อเสีย: ถ้ารถมีรอยแล้ว อาจต้องทำการขัดรถให้เงาก่อน ส่งผลต่อราคาเคลือบแก้วรถยนต์

ถ้าถามว่าเคลือบแก้วดีไหม เคลือบก่อนหรือหลังทำประกันแบบไหนตอบโจทย์กว่า ตอบตรงนี้ว่าต่อให้คุณจะเลือกแบบไหนก็ตาม สิ่งสำคัญคือ “การสื่อสารกับบริษัทประกัน” เพื่อเข้าใจสิทธิ์ของคุณอย่างชัดเจน เมื่อเช็คประกันรถยนต์จนเข้าใจตรงกันแล้วจะเคลือบก่อนหรือหลังทำประกันก็ไม่เป็นปัญหา

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่อยากให้รถดูดี สภาพใหม่ และป้องกันผิวรถในระดับหนึ่ง การเคลือบแก้วรถยนต์ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า แต่หากคุณหวังว่าประกันจะจ่ายค่าซ่อมเคลือบแก้วในทุกกรณี คงต้องผิดหวัง โดยเฉพาะหากคุณทำประกันชั้น 1 แม้จะคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด แต่ก็ไม่ได้รวมค่าเคลือบ เว้นแต่จะมีการตกลงเพิ่มเติมเป็นลายลักษณ์อักษร ก่อนตัดสินใจเคลือบแนะนำให้ทำความเข้าใจเคลือบแก้วรถยนต์ ข้อดี ข้อเสีย และข้อควรระวัง เคลือบแก้วให้ดี เพื่อให้คุณมั่นใจว่าการลงทุนนี้จะไม่เสียเปล่า

คำจำกัดความ

ระดับพรีเมียม สินค้าที่มีคุณภาพสูง สินค้าที่อยู่ในระดับ Hi-end สินค้าที่มีราคาแพง
ตัวถังเดิม ตัวรถเดิม ๆ ไม่มีการดัดแปลง ไม่มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนตัวถังหลัก ๆ ออกไปจากเดิม
มูลค่าประเมิน มูลค่าที่ผู้ประเมินที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญได้ประมาณการขึ้นสำหรับสินทรัพย์, ทรัพย์สิน, หรือธุรกิจหนึ่งๆ โดยอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินและผลการดำเนินงานในอดีตและปัจจุบัน

เปรียบเทียบราคา หรือ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

02 080 9292 @mrkumka

บทความที่น่าสนใจ

เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่