ในยุคที่โควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง หลายคนจึงมองหาวิธีป้องกันตัวเองโดยเฉพาะคนที่ใช้รถบ่อย ๆ ที่หันมาใช้วิธีการอบโอโซนรถเพื่อฆ่าเชื้อโรค ซึ่งในความเป็นจริงแล้วอบโอโซนรถ ช่วยอะไร ช่องปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้จริงไหม อบโอโซนรถเองได้หรือเปล่า และเรื่องอื่น ๆ ที่ควรรู้ มิสเตอร์ คุ้มค่า รวมทุกประเด็นที่สงสัยมาให้แล้ว ตามไปหาคำตอบกันเลย
อบโอโซนรถ คืออะไร อันตรายไหม?
หากสงสัยว่าอบโอโซนรถ คืออะไร วิธีนี้คือกระบวนการฟอกอากาศภายในห้องโดยสารของรถยนต์ ด้วยการใช้ก๊าซโอโซน ซึ่งเป็นก๊าซที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อโรค เชื้อรา รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยวิธีอบโอโซนรถจะใช้เครื่องผลิตโอโซนปล่อยก๊าซเข้าไปภายในห้องโดยสาร เพื่อทำปฏิกิริยากับสิ่งสกปรกและกลิ่นต่าง ๆ จากนั้นจะปล่อยให้โอโซนสลายตัวกลับเป็นออกซิเจน
สืบเนื่องจากเรื่องราวของผู้ใช้งานโซเชียลท่านหนึ่ง ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์สูญเสียแมวแสนรกไปตลอดกาล เนื่องจากการใช้เครื่องอบโซน ทำให้หลายคนเกิดความกังวลว่าเครื่องนี้อันตรายมากกว่าที่คิด อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้ออกมาเตือนด้วยเช่นกันว่า “ก๊าซโอโซนเป็นก๊าซพิษ จะนำมาใช้กันก็ต้องระมัดระวังสูงมาก ๆ โดยเฉพาะในห้องที่มีคนและสัตว์เลี้ยงอาศัยอยู่” (ที่มา : อ.เจษฎา อธิบายทำไมเครื่องอบโอโซน อันตรายแม้ไม่เปิดสวิตช์ บทเรียนคร่าหมาแมว 5 ชีวิต)
มิสเตอร์ คุ้มค่า จึงขอเป็นอีกหนึ่งเสียง ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานเครื่องอบโอโซน โดยเฉพาะคนที่สนใจจะอบโอโซนรถเอง ซึ่งข้อควรปฏิบัติในการอบโอโซนรถยนต์ที่ถูกต้องมีดังนี้
- ห้ามอยู่ในรถขณะอบโอโซนเด็ดขาด
- หลังอบควรเปิดประตู-หน้าต่าง เพื่อระบายอากาศอย่างน้อย 30-60 นาทีก่อนเข้าใช้งาน
- เลือกใช้บริการร้านอบโอโซนที่น่าเชื่อถือ เพราะร้านจะมีการควบคุมเวลาและความเข้มข้นอย่างปลอดภัย
อยากอบโอโซน บริษัทประกันจ่ายให้ไหม?
จ่ายให้ แต่ขึ้นอยู่กับ ‘บริการเสริม’ ที่แต่ละบริษัทกำหนดขึ้นมา บางบริษัทประกันภัยรถยนต์ โดยเฉพาะประกันชั้น 1 หรือแพ็คเก็จพรีเมียม อาจมีบริการอบโอโซนฟรี/ราคาพิเศษ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสิทธิประโยชน์เสริม ดังนี้
- บริการดูแลรถหลังเกิดอุบัติเหตุ เช่น ทำความสะอาด อบโอโซน
- บริการดูแลสุขอนามัยห้องโดยสาร กรณีจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน หรือมีการใช้งานพิเศษ เช่น ขับรถส่งผู้โดยสาร
โดยส่วนใหญ่จะให้ในรูปแบบฟรีอบโอโซน 1 ครั้งต่อปี หรือแถมอบโอโซนเมื่อเข้าเคลมตัวถังที่ศูนย์ในเครือ ทั้งนี้หากต้องการบริการเสริมหรือสิทธิประโยชน์เสริม นอกจากจะเปรียบเทียบประกันรถยนต์ให้ดีก่อนซื้อแล้ว ยังควรสอบถามรายละเอียดในส่วนนี้ให้ดีก่อน เพื่อประโยชน์สูงสุดของตัวคุณเอง
วิธีอบโอโซนรถ มีกี่แบบ?
ปัจจุบันวิธีอบโอโซนรถมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ อบโอโซนกับศูนย์บริการ คาร์ดีเทลลิ่งที่มักเจอได้ทั่วไป ล้างรถภายนอกให้คุณได้ก็ยังสามารถดูแลเรื่องความสะอาดภายในรถให้คุณด้วยได้ และอีกวิธีคืออบโอโซนรถเอง ทำเองได้ไม่ยากเกิน ทั้งสองวิธีมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
อบโอโซนกับศูนย์บริการ
เป็นการใช้บริการกับทางศูนย์ล้างทำความสะอาด ภายในและภายนอกรถยนต์ เมื่อนกขี้ใส่ ทิ้งไว้จนเป็นคราบฝังลึก การอบโอโซนฆ่าเชื้อและทำความสะอาดด้วยเครื่องอบที่มีกำลังผลิตโอโซนถือเป็นตัวเลือกที่ดี สามารถทำความสะอาดและฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดกลิ่นอับภายในรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนของราคาอบโอโซนรถยนต์ของจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละศูนย์บริการ แนะนำให้สอบถามให้ดีก่อนจะดีที่สุด
อบโอโซนรถเอง
สำหรับการอบโอโซนรถเอง เป็นการใช้เครื่องอบโอโซนรถยนต์ที่บ้าน เพื่อฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย และกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ภายในระยะเวลาตามต้องการ
วิธีอบโอโซนรถเอง มีอะไรบ้าง?
เมื่อได้รู้แล้วว่าการอบโอโซนรถ ช่วยอะไร มีประโยชน์ยังไง แต่ไม่อยากไปเข้าศูนย์บริการ สามารถอบโอโซนรถเองได้ง่าย ๆ เพียงทำตามวิธีที่ถูกต้องดังนี้
- ทำความสะอาดภายในรถเบื้องต้น ด้วยการเก็บขยะออกให้หมด เช็ดเบาะ พรม และแผงคอนโซลด้วยน้ำยาที่ไม่มีสารเคมีแรง ๆ และเปิดช่องแอร์ให้พร้อม
- วางเครื่องผลิตโอโซนไว้ในรถ แนะนำให้วางบริเวณกลางรถ อย่าให้เครื่องสัมผัสกับเบาะหรือวัสดุโดยตรง
- เปิดพัดลมแอร์แรงสุด (ไม่ต้องเปิดให้เย็นก็ได้) วิธีเปิดแอร์รถยนต์ที่แนะนำคือตั้งระบบให้หมุนเวียนอากาศภายในเท่านั้น เพื่อให้โอโซนกระจายทั่วทุกจุด รวมถึงระบบแอร์ด้วย
- เปิดเครื่องแล้วปิดประตูทุกบานให้สนิท ห้ามอยู่ภายในรถเด็ดขาด เพราะโอโซนเข้มข้นสูงอาจระคายเคืองเยื่อบุจมูกหรือทางเดินหายใจได้
- หลังอบเสร็จให้เปิดประตูรถเพื่อระบายอากาศประมาณ 15-30 นาที เพื่อให้โอโซนตกค้างถูกปล่อยออกหมด
โดยปกติแล้วการอบโอโซนภายในห้องโดยสารไม่จำเป็นต้องสตาร์ทรถ แต่ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องอบโอโซนที่ใช้ด้วย แต่ถ้าหากเลือกที่จะติดเครื่องยนต์เอาไว้ จะเป็นการเน้นฆ่าเชื้อในระบบแอร์มากกว่าห้องโดยสารเพียงอย่างเดียว แนะนำให้อ่านรายละเอียดและคู่มือให้ดีก่อนใช้งาน
ประโยชน์ของการอบโอโซนรถยนต์ มีอะไรบ้าง?
ช่วยหลายอย่างและเป็นประโยชน์มาก ๆ (หากใช้อยากถูกวิธี) ซึ่งนอกจากจะช่วยทำให้กลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในรถหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว การอบโอโซนยังมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้อีกด้วย
1. กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์
กำจัดได้หมดแม้เป็นกลิ่นสะสมภายในรถยนต์ เช่น กลิ่นบุหรี่ กลิ่นเหงื่อ กลิ่นอับชื้น ฯลฯ ที่การเช็ดล้างทั่วไปไม่สามารถกำจัดได้หมด การอบโอโซนสามารถแทรกซึมเข้าสู่จุดลึก ๆ และช่วยกำจัดกลิ่นได้อย่างถาวร
2. ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา
ด้วยความที่โอโซนมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค จึงช่วยลดจำนวนเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา รวมถึงไวรัสภายในห้องโดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็กเล็ก หรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องภูมิแพ้
3. กำจัดกลิ่นจากระบบแอร์
หลายคนมักเจอปัญหากลิ่นอับจากระบบแอร์ การอบโอโซนก็ช่วยได้เช่นกัน เพราะจะช่วยไล่ความชื้นและฆ่าเชื้อที่อาจสะสมอยู่ในท่อแอร์ได้
4. ปรับอากาศภายในห้องโดยสารให้สดชื่น
หลังจากอบโอโซนเสร็จ จะสัมผัสได้ทันทีเลยว่าอากาศภายในรถให้ความรู้สึกสดชื่นมากขึ้น เพราะโอโซนสามารถทำให้อากาศสะอาด ปราศจากสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ
อบโอโซนรถ ราคาเท่าไหร่ และควรทำบ่อยแค่ไหน?
ส่วนใหญ่ราคาจะอยู่ระหว่าง 300-1,200 บาท โดยราคาอบโอโซนรถยนต์จะขึ้นอยู่กับระดับของบริการ ขนาดของรถ และประเภทของรถยนต์ บางศูนย์บริการอาจมีแพ็คเก็จอบโอโซนควบคู่กับการล้างแอร์ หรือทำความสะอาดภายใน ถือเป็นแพ็คเก็จที่คุ้มค่า ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากดูแลรถทั้งระบบมาก ๆ
และถ้าหากถามว่าควรจะอบบ่อยแค่ไหน และแต่ละครั้งควรอบโอโซนรถกี่นาที คำตอบคือแนะนำให้อบโอโซนอย่างน้อยทุก 3-6 เดือน หรือเมื่อพบว่ามีกลิ่นอับ กลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือก่อนเข้าสู่ฤดูฝน เนื่องจากเป็นช่วงที่มีโอกาสเกิดเชื้อราในรถได้ง่าย และใช้เวลาในการอบประมาณ 30-40 นาทีก็เพียงพอแล้ว
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องการกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในรถ เชื้อรา เชื้อโรค รวมถึงป้องกันโควิด-19 หลังจากได้รู้แล้วว่าอบโอโซนรถ ช่วยอะไร ราคาเท่าไหร่ ก็คงเกิดความสนใจวิธีนี้มากขึ้น ซึ่งสามารถอบโอโซนรถเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน แต่ต้องทำให้ถูกวิธี เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้รถของคุณสดชื่น ไม่มีกลิ่นเหม็น กลิ่นอับ และเชื้อโรคคอยกวนใจแล้ว
คำจำกัดความ
| ปลิดทิ้ง | ทำให้หายไปโดยสิ้นเชิง |
| สิ่งปนเปื้อน | การมีส่วนประกอบ สิ่งเจือปน หรือองค์ประกอบที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆ ที่ทำให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่เหมาะสมหรือเป็นอันตรายต่อ ร่างกาย สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ สถานที่ทำงาน ฯลฯ |
| ระคายเคือง | ความรู้สึกไม่สบาย, หงุดหงิด, รำคาญ, หรือความรู้สึกโกรธที่เกิดขึ้นจากการถูกกระตุ้นหรือรบกวน. อาจเกิดจากการสัมผัสสารบางชนิด (เช่น สารเคมี, ผิวแห้ง, น้ำหอม, แอลกอฮอล์), สภาวะบางอย่าง (เช่น ร้อนหรือเย็นเกินไป), หรือจากพฤติกรรมของคนอื่น |
