ไม่ว่าใครก็อยากให้รถยนต์คู่ใจ ทั้งรถใหม่ป้ายแดงและรถที่อยู่ด้วยกันมานาน ดูสวย เงางามอยู่เสมอ หลายคนจึงหันมาดูแลสีรถด้วยการติดฟิล์มกันรอยรถยนต์กันมากขึ้น ซึ่งการติดฟิล์มรถยนต์คืออะไร ติดแล้วจำเป็นต้องแจ้งบริษัทประกันไหม หากเป็นรอยหรือได้รับความเสียหาย สามารถเคลมฟิล์มรถยนต์ได้หรือเปล่า? มิสเตอร์ คุ้มค่า รวบรวมทุกคำตอบมาให้แล้ว ตามไปทำความเข้าใจพร้อม ๆ กันเลย
รู้จักกันหน่อย ฟิล์มกันรอยรถยนต์คืออะไร?
คือนวัตกรรมฟิล์มปกป้องสีรถยนต์ มีหน้าที่ในการปกป้องสีรถจากรอยขีดข่วน ก้อนกรวด ทราย เศษหิน คราบแมลง และเศษวัตถุอื่น ๆ ที่อาจกระเด็นมาโดนรถจนได้รับความเสียหาย หากนึกภาพไม่ออกให้ลองนึกถึงฟิล์มกันรอยหน้าจอโทรศัพท์
คุณสมบัติของฟิล์มกันรอยรถยนต์
- ป้องกันรอยขีดข่วน
- ช่วยรักษาสีเดิมของรถให้อยู่ในสภาพใหม่
- กันรังสี UV และการซีดจางของสีรถ
- ล้างทำความสะอาดง่าย สิ่งสกปรกไม่ฝังแน่นลงสีรถโดยตรง
นอกจากนี้ฟิล์มกันรอยรถยนต์บางรุ่นยังมีคุณสมบัติ Self-healing ที่รอยขีดข่วนเล็ก ๆ สามารถหายเองได้เมื่อเจอกับความร้อน เช่น น้ำร้อน หรือแสงแดด
ฟิล์มกันรอยรถยนต์มีกี่แบบ อะไรบ้าง?
3 แบบ ซึ่งฟิล์มกันรอยที่ขายหลัก ๆ ในตลาดจะมี TPU, PVC และ PU ซึ่งแต่ละแบบมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป หากสนใจและต้องการจะติดฟิล์มกันรอยเพื่อคงสภาพสีเดิม ป้องกันรอยขีดข่วน หรือใด ๆ ก็ตาม ลองมาทำความรู้จักทั้งสามแบบกันหน่อยดีกว่า
1. TPU
คือ เทอร์โมพลาสติก เป็นหนึ่งในสารเคมีกลุ่ม PU เนื้อฟิล์มจึงมีคุณสมบัติเด่นกว่ากลุ่มโพลิเมอร์อื่น ๆ มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขูดขีดได้ดี มีความใจ และทนต่อสารเคมี โดยฟิล์มชนิดนี้ถูกคิดค้นเพื่อเป็นวัสดุที่ให้ความคงทน ปัจจุบันนิยมใช้ในอุตสาหกรรมและอุปกรณ์การกีฬา เนื่องจากวัสดุมีความเหนียว ทนทานต่อแรงกระแทก แต่ข้อจำกัดคือมีต้นทุนค่อนข้างสูง และราคาแพง
2. PVC
ย่อมาจากโพลี่ไวนิลคลอไรด์ ข้อดีหลัก ๆ คือ ต้นทุนต่ำ แต่อายุการใช้งานค่อนข้างสั้น ฟิล์มกรอบและแตกง่าย เมื่อใช้ไปสักพักสีจะซีดเหลือง หมอง ไม่สวยงาม แถมยังไม่ค่อยยืดหยุ่น ติดค่อนข้างยาก ที่สำคัญเมื่อลอกออกจะเกิดคราบกาว บางสีอาจดึงสีรถออกไปด้วย ทำให้รถคันโปรดของคุณเป็นรอยด่าง เกิดความเสียหายจนถึงขั้นต้องทำสีใหม่
3. PU
หรือโพลียูรีเทน สามารถเรียกอีกแบบหนึ่งได้ว่า TPH หรือเทอร์โมพลาสติกโพลียูรีเทนไฮบริด ที่เกิดจากการผสมผสานของฟิล์มกันรอยรถยนต์สองแบบเข้าด้วยกัน (PVC และ TPU) ด้วยจุดประสงค์ในการทำให้ฟิล์มกันรอยคุณภาพสูง ยืดหยุ่นได้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็มีต้นทุนที่ถูกลง ข้อดีของมันคือได้คุณสมบัติความยืดหยุ่นที่มาจาก TPU มีราคาถูก จับต้องได้ง่าย แต่ยังคงคุณภาพที่ดีเอาไว้อย่างครบถ้วน
ติดฟิล์มกันรอยรถยนต์ จำเป็นต้องแจ้งบริษัทประกันไหม?
ไม่จำเป็นต้องแจ้งบริษัทประกันภัยรถยนต์ เพราะไม่ถือเป็นการดัดแปลงตัวรถที่ส่งผลต่อการประกันภัย โดยตัวฟิล์มกันรอยรถยนต์เป็นเพียง “การติดวัสดุป้องกันบนพื้นผิวรถ” ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างหรือชิ้นส่วนหลัก นอกจากนี้ยังไม่กระทบต่อการประเมินมูลค่ารถ หรือความคุ้มครองของประกันภัย และไม่ใช่อุปกรณ์เสริมที่ต้องระบุในกรมธรรม์ เว้นแต่ผู้เอาประกันต้องการให้บริษัทคุ้มครองมูลค่าของฟิล์มกันรอยด้วย (กรณีฟิล์มกันรอยรถยนต์ราคาสูงมาก)
ซึ่งแต่ละบริษัทประกันจะให้ความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อควรเปรียบเทียบประกันรถยนต์แต่ละเจ้าให้ดี รวมถึงสอบถามรายละเอียดในส่วนของความคุ้มครองฟิล์มกันรอยรถยนต์ด้วย เพื่อที่จะได้รู้ว่าบริษัทให้ความคุ้มครองในส่วนนี้ด้วยหรือไม่
*หมายเหตุ: หากต้องการความคุ้มครองในส่วนของฟิล์มกันรอยรถยนต์ ควรแจ้งบริษัทประกันเพื่อระบุไว้ในกรมธรรม์ ว่าเป็นทรัพย์สิน/อะไหล่รถยนต์ ที่คุณต้องการให้คุ้มครองเพิ่มเติม ทั้งนี้อาจมีค่าเบี้ยเพิ่มถ้าติดฟิล์ม (กระจก) รถยนต์เพิ่ม ต้องแจ้งบริษัทประกันไหม?
ในกรณีที่ไม่ใช่ฟิล์มกันรอยรถยนต์แต่เป็นฟิล์มกระจกรถยนต์ หากติดเพิ่มก็ควรแจ้งบริษัทประกันสักหน่อย เพราะในมุมของบริษัทประกัน “ฟิล์มถือเป็นอุปกรณ์เสริม” โดยเฉพาะฟิล์มที่ติดเพิ่มทีหลังหรือมีราคาสูง หากแจ้งไว้แล้วบริษัทบันทึกในระบบ เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ฟิล์มได้รับความเสียหาย ก็ไม่เสี่ยงโดนปฏิเสธความรับผิดชอบในส่วนของฟิล์มที่ติดมาเพิ่มเติม
หากสงสัยว่าประกันชั้น 1 เคลมฟิล์มกรองแสงได้ไหม คำตอบคือ “ได้” แต่ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท ปกติแล้วประกันชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองเฉพาะกรณีที่ฟิล์มได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ ดังนี้
- โดนรถชน รถคว่ำ กระจกรถได้รับความเสียหาย (ฟิล์มได้รับผลกระทบ)
- กระจกแตกร้าวจากอุบัติเหตุทำให้ฟิล์มเสียหาย เช่น ลูกเห็บตกใส่รถ หินกระเด็นใส่กระจกรถ เป็นต้น
- โจรกรรม หรือความเสียหายจากการกระทำของบุคคลอื่น
และสำหรับประเด็นที่หลายคนสงสัยอย่างการติดตั้งฟิล์มกรองแสง ไม่รับประกันกรณีใด คำตอบคือ “การเสื่อมสภาพจากการใช้งานทั่วไป” เช่น ฟิล์มกระจกบวม ร่น ฟิล์มเก่าหลุดลอก ซีดจางจากแสงแดด หรือหลังติดฟิล์มรถยนต์ ตากแดดแล้วรอยคลื่นไม่หาย เนื่องจากฟิล์มไม่ได้มาตรฐาน มีฝุ่น ผสม หรือสิ่งสกปรกติดอยู่ ฯลฯ ทั้งหมดนี้ประกันจะไม่ให้ความคุ้มครอง
เคลมฟิล์มรถยนต์ได้ไหม หากเป็นรอย ได้รับความเสียหาย?
ขึ้นอยู่กับลักษณะของรอย และประเภทของประกันภัยที่เลือกซื้อเอาไว้ พูดง่าย ๆ คือ “เคลมได้บางกรณี” ถ้าเกิดอุบัติเหตุที่อยู่ในความคุ้มครอง เช่น โดนรถชน ถูกของแข็งกระเด็นใส่ขณะขับขี่ ถูกคนอื่นทำให้รถเสียหายและรู้ตัวผู้กระทำ (ประกันชั้น 1) ทั้งหมดนี้สามารถเคลมได้ โดยถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของความเสียหายต่อพื้นผิวรถ และฟิล์มกันรอยก็ถือเป็นส่วนที่ติดกับตัวรถ
แต่ถ้าหากร่องรอยความเสียหายดันเกิดจากการใช้งานปกติ เช่น เปิด-ปิดประตู, ครูดจากมือ ล้างรถไม่ถูกวิธี เศษหินดีดใส่เองโดยไม่มีคู่กรณี รวมถึงฟิล์มเสื่อมสภาพตามการใช้งาน ประกันจะไม่รับเคลมเพราะถือว่าเป็นการเสื่อมสภาพตามปกติ
ปกติแล้วการติดฟิล์มรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มกรองแสงหรือฟิล์มกันรอยรถยนต์ ส่วนใหญ่ไม่ได้ส่งผลกระทบกับค่าเบี้ยประกันสักเท่าไหร่ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์เสริมที่ไม่เกี่ยวข้องกับสมรรถนะของรถ หรือความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุโดยตรง สำหรับคนที่สงสัยว่าประกันชั้น 1 เคลมฟิล์มได้ไหม ขอยืนยันอีกครั้งว่าเคลมได้แน่นอนถ้าเข้าเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด และเพื่อความชัวร์แนะนำให้แจ้งบริษัทไว้ก่อนจะดีกว่า เพื่อป้องกันการเสียสิทธิ์ความคุ้มครองที่อาจเกิดขึ้น
คำจำกัดความ
ก้อนกรวด | ก้อนหินเล็ก ๆ เขื่องกว่าเม็ดทราย |
Self-healing | การกระทำหรือการทำหน้าที่รักษาหรือซ่อมแซมตนเอง |
สมรรถนะของรถ | เป็นคำกว้างๆ ที่ครอบคลุมถึงลักษณะต่างๆ ของการทำงานของรถยนต์ เช่น ความเร็ว อัตราเร่ง การควบคุม การเบรก การประหยัดน้ำมัน การปล่อยมลพิษ และความทนทาน |