เติมลมไนโตรเจน VS ลมธรรมดา ต่างกันอย่างไร มีผลต่อการใช้งานมากแค่ไหน

แชร์ต่อ
ข้อดีและข้อเสียของการเติมลมไนโตรเจน

       หากพูดถึงยางรถยนต์ หลายคนมักจะตั้งคำถามว่า สำหรับรถของตัวเองนั้นทางเลือกของลมยางอย่างการ เติมลมไนโตรเจน หรือเติมลมธรรมดา ทั้ง 2 แบบนั้นแบบไหนดีกว่า มีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ซึ่งถือเป็นคำถามยอดนิยมที่หลายคนให้ความสนใจโดยเฉพาะผู้ใช้รถมือใหม่ วันนี้เราจึงได้นำข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเติมลมยางรถยนต์มาให้ จะได้ตัดสินใจได้ถูกก่อนเริ่มเติมลมยางให้กับรถยนต์คู่ใจของคุณ รายละเอียดจะมีอะไรบ้าง MrKumka จะเล่าให้ฟัง

 

เติมลมไนโตรเจน คืออะไร ? มีข้อดีและข้อเสียเป็นอย่างไร ?

 

ลมยางไนโตรเจน ประกอบด้วยไนโตรเจนมากกว่า 93% โดยจะเป็นไนโตรเจนแบบ Dry Nitrogen ที่มีไอน้ำปะปนอยู่ “น้อยมาก” หรือเรียกได้ว่าแทบไม่มีอยู่เลย

 

ข้อดีของลมยางไนโตเจน

  • ลมยางไนโตรเจนกัดกร่อน ยางรถยนต์ น้อยกว่าลมยางธรรมดา
  • แรงดันในยางรถยนต์อยู่ได้นานกว่าปกติ และมีโอกาสน้อยมากที่ยางจะระเบิด
  • ลมยางไนโตรเจนเป็นก๊าซแห้ง ไม่มีส่วนผสมของน้ำ จึงไม่ทำให้กระทะล้อเป็นสนิม
  • ขับขี่ได้นุ่มนวล และลดการเกิดเสียงของยางรถยนต์ที่กระแทกกับพื้น และตะเข็บรอยต่อถนน
  • ช่วยยืดอายุยางรถยนต์ได้มากกว่าการเติมลมยางแบบธรรมดา

ข้อเสียของลมยางไนโตรเจน

  • ไม่สามารถใช้งานร่วมกับลมยางธรรมดาได้ หากต้องการใช้ จำเป็นจะต้องถ่ายลมยางธรรมดาออกให้หมดก่อน
  • มีศูนย์บริการที่รับเติมลมยางไนโตรเจนค่อนข้างน้อย ต้องเติมที่อู่หรือศูนย์บริการเท่านั้น
  • หากเติมลมยางธรรมดาเข้าไปในยางที่มีลมไนโตรเจน ลมในยางเส้นนั้นก็จะกลายเป็นลมธรรมดาทันที

เติมลมยางธรรมดาคืออะไร ? มีข้อดีและข้อเสียเป็นอย่างไร ?

 

ลมยางธรรมดาประกอบไปด้วยไนโตรเจน 78% และออกซิเจน 21% ส่วนที่เหลือจะเป็นไอน้ำและก๊าซต่าง ๆ

 

ข้อดีของลมยางธรรมดา

  • หาแหล่งเติมได้ง่าย โดยเฉพาะในปั๊มน้ำมัน
  • ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเติมลมยาง

ข้อเสียของลมยางธรรมดา

  • หากเทียบกับลมยางไนโตรเจน ลมยางธรรมดาจะมีการขยายตัวได้มากกว่า และเมื่อใช้ไปนาน ๆ อุณหภูมิความร้อนเพิ่มขึ้น ทำให้ยางขยายตัวและมีโอกาสระเบิดได้มากกว่า

เมื่อเห็นความต่างและข้อดีข้อสังเกตของลมยางทั้ง 2 แบบแล้ว จะเห็นว่าเน้นการใช้งานอย่างแพร่หลาย ลมยางทั่วไปจะเลือกใช้งานได้มากกว่า แต่จุดเด่นของลมยางไนโตรเจนนั้นจะเด่นในเรื่องการดูแลรักษาชิ้นส่วนของยางและตัวล้อได้ดีกว่าเช่นกัน ยางรถยนต์หากพร้อมใช้งานย่อมเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ โดยเฉพาะน่าฝนแบบนี้นอกจากเรื่องลมยางยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่ต้องดูแลให้ครบมิติด้วย อะไรบ้างที่ต้องเช็ก ไปดูกัน

 

 เช็กยางรถยนต์ให้พร้อม ก่อนลุยบนท้องถนน | MrKumka.com

 

3 ทริคเช็กยางรถยนต์ให้พร้อม ก่อนลุยบนท้องถนน !

 

เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจและปลอดภัยขั้นสุด MrKumka ได้รวบรวมทริคดี ๆ ในการเช็กสภาพยางรถยนต์ให้พร้อม ก่อนขับเคลื่อนไปบนท้องถนนมาให้คุณเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย !

 

1. เช็กอายุยางรถยนต์
  • อายุการใช้งานโดยทั่วไปของยางรถยนต์ ไม่ควรเกิน 2 ปี หรือตามระยะทางประมาณ 50,000 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังควร “สับเปลี่ยน” ยางรถยนต์ ที่ระยะทาง 10,000 กิโลเมตรด้วย
2. เช็กสภาพยางรถยนต์
  • ก่อนออกเดินทางระยะไกล ควรเช็กยางรถยนต์ทุกเส้น รวมถึงยางอะไหล่ให้อยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งาน โดยสภาพของเนื้อยางจะต้องไม่แข็งจนเกินไป ในส่วนของดอกยางก็จะต้องไม่สึก หรือมีความลึกไม่ต่ำกว่า 2 มิลลิเมตร หากดอกยางลึกหรือสึก ควรทำการเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะอาจจะทำให้สูญเสียการทรงตัว ไม่มีการยึดเกาะบนถนน และลดประสิทธิภาพการเบรกได้
3. ตรวจเช็กลมยางอย่างสม่ำเสมอ
  • ควรตรวจเช็กลมยาง “อย่างน้อย” สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อความปลอดภัยของการใช้รถใช้ถนน โดยรถยนต์ส่วนใหญ่จะเติมลมอยู่ที่ระดับ 32-35 PSI หรือ 32-35 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว แต่ถ้าหาก “จำเป็น” ต้องเดินทางไกล ควรเพิ่มลมยางอีกประมาณ 2-5 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) และปรับให้เหมาะสมตามจำนวนผู้โดยสาร จะช่วยให้หน้ายางสัมผัสกับผิวถนนได้สม่ำเสมอ ช่วยให้ขับขี่ได้นุ่มนวล และช่วยให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อีกด้วย

จะเห็นได้ว่าการเช็กลมยางก่อนออกเดินทาง ล้วนมีประโยชน์ต่อการใช้รถใช้ถนนมาก ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของความปลอดภัยต่าง ๆ เนื่องจากช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้เป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้คุณพบเจอกับค่าใช้จ่ายก้อนโต ที่อาจจะตามมาในภายหลังได้!

 

ไม่อยากจ่ายเงินก้อนโต ประกันรถยนต์ MrKumka ช่วยคุณได้ !

 

ถึงแม้ว่าคุณจะเช็กลมยาง หรือดูแลรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานมากแค่ไหนก็ตาม แต่ขึ้นชื่อว่า “อุบัติเหตุ” ไม่มีใครสามารถควบคุมได้ ดังนั้นการมีตัวช่วยที่คอยเพิ่มความอุ่นใจ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีมาก ๆ เลยล่ะ โดยเฉพาะการเลือกซื้อประกันรถยนต์กับ MrKumka แต่จะมีขั้นตอนการซื้อเป็นอย่างไรบ้าง? ไปดูกัน!

 

  • 1. เข้าสู่เว็บไซต์ MrKumka และคลิกไปที่คำว่า “เช็คราคา”
  • 2. ตอบคำถามต่าง ๆ เพื่อรับใบเสนอราคา
  • 3. เปรียบเทียบแผนประกันทั้งหมด จากบริษัทประกันภัยที่ไม่ซ้ำกัน 30 แห่งในประเทศไทย
  • 4. ปรับแต่งแผนประกันให้ตรงตามความต้องการ เช่น ปรับวงเงินความคุ้มครอง ตัวเลือกอู่ซ่อมต่างๆ การผ่อนชำระ หรือการเลือกแผนค่าเสียหายส่วนแรก และระบุผู้ขับขี่ จะช่วยให้เบี้ยประกันภัยลดลงถูกลงได้
  • 5. คลิก “เลือก” ข้อเสนอที่คุณสนใจ พร้อมกับกรอกชื่อและเบอร์โทรศัพท์ และคลิก “ยืนยัน”

เพียงทำตาม 5 ขั้นตอนที่เราบอกต่อไปเมื่อข้างต้น คุณก็จะประหยัดเวลาและลดต้นทุนเบี้ยประกันภัยได้สบาย ๆ แถมยังสามารถเดินทางไกลได้อย่างอุ่นใจ เพราะ MrKumka พร้อมเคียงข้างคุณทุกเส้นทาง!

 

การเช็กลมยางหรือเช็กความพร้อมก่อนออกเดินทาง ถือเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอุบัติเหตุมันไม่เลือกเวลาเกิด หากคุณเลือกเติมลมยางที่เหมาะกับรถยนต์คู่ใจได้แล้ว อย่าลืมเลือกซื้อประกันรถยนต์ให้ตอบโจทย์คุณด้วยเช่นกัน! แม้ไม่มีเวลาก็สามารถ “เปรียบเทียบประกันออนไลน์” กับ MrKumka ได้แล้ววันนี้ เราพร้อมเสิร์ฟความคุ้มครองให้คุณตลอด 24 ชั่วโมง !

 

เปรียบเทียบราคา หรือ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

บทความที่น่าสนใจ

เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่