ในยุคที่ข้อมูลคือ ‘ทรัพย์สินใหม่’ ของโลก ระบบ Telematics กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีที่พลิกโฉมวงการประกันภัยรถยนต์ และเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่กับบริษัทประกันอย่างสิ้นเชิง หากคุณเคยสงสัยว่า Telematics คืออะไร และการเปิดเผยข้อมูลการขับขี่ส่วนตัวให้กับบริษัทประกันนั้น คุ้มค่าหรือไม่? บทความนี้จะตอบทุกคำถาม ตามไปทำความเข้าใจกันเลย
ระบบ Telematics คืออะไร?
ระบบ Telematics คือ เทคโนโลยีที่รวมระหว่างการสื่อสารทางไกล (Telecommunication) และการประมวลผลข้อมูลจากรถยนต์ (Informatics) เพื่อเก็บข้อมูลการขับขี่ของผู้ใช้แบบเรียลไทม์ ซึ่งข้อมูลที่เก็บรวบรวมอาจรวมถึง
- ความเร็วในการขับขี่
- การเบรกกะทันหัน
- การเร่งเครื่อง
- ระยะทางที่ขับต่อวัน
- เวลาในการขับ (กลางวัน/กลางคืน)
- พฤติกรรมขับรถโดยรวม เช่น การเข้าโค้ง การใช้เลน ฯลฯ
ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งกลับไปยังบริษัทประกัน ผ่านอุปกรณ์ที่ติดตั้งในรถยนต์ หรือแอปพลิเคชันบนมือถือ และใช้ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
ระบบ Telematics กับ GPS ต่างกันอย่างไร?
คำถามที่หลายคนมักสงสัย คือ ระบบ Telematics กับ GPS ต่างกันอย่างไร? ถึงแม้ว่าทั้งสองระบบจะมีความเกี่ยวข้องกับการติดตามข้อมูลจากรถยนต์เหมือนกัน แต่ทำงานต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังรายละเอียดต่อไปนี้
จุดประสงค์หลัก
- Telematics: วิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ เชื่อมต่อข้อมูลกับบริษัทประกัน/ผู้ผลิตรถยนต์
- GPS: ระบุตำแหน่งพิกัดของรถยนต์
ข้อมูลที่เก็บ
- Telematics: ความเร็ว การเบรก การเร่ง การขับกลางคืน ฯลฯ
- GPS: พิกัดทางภูมิศาสตร์เท่านั้น
การใช้งาน
- Telematics: ประกันภัย Fleet management, EV monitoring
- GPS: นำทาง ค้นหารถ ป้องกันการโจรกรรม
การประเมิน
- Telematics: ใช้ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยง และประเมินเบี้ยประกัน
- GPS: ไม่สามารถประเมินพฤติกรรมการขับขี่ได้
พูดง่าย ๆ คือ GPS ติดรถ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบ Telematics ซึ่งระบบดังกล่าวนี้มีฟังก์ชันที่ซับซ้อนและครอบคลุมมากกว่านั่นเอง
พร้อมที่จะเปรียบเทียบประกันรถยนต์หรือยัง?
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ
จะแชร์ข้อมูลการขับขี่ แลกกับเบี้ยประกันที่ถูกลงดีไหม?
ในอดีตการคำนวณเบี้ยประกันรถยนต์จะพิจารณาจากข้อมูลทั่วไป เช่น อายุ เพศ ประวัติการเกิดอุบัติเหตุ และรุ่นรถยนต์ แต่ระบบ Telematics เปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ไปโดยสิ้นเชิง ด้วยการใช้ ‘ข้อมูลจริง’ จากพฤติกรรมการขับขี่ ทำให้บริษัทประกันสามารถเสนอเบี้ยประกันที่แม่นยำมากขึ้น, ลดราคาเบี้ยประกันรถยนต์ให้กับผู้ขับขี่ที่ปลอดภัย รวมถึงปรับราคาแบบเฉพาะบุคคล
ถ้าถามว่าจะแชร์ข้อมูลการขับขี่ เพื่อแลกกับราคาเบี้ยประกันรถยนต์ที่ถูกลงดีไหม? ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ของคุณล้วน ๆ เช่น ถ้าคุณขับขี่ระมัดระวัง ไม่เร่งเครื่องบ่อย ไม่เบรกกะทันหัน ระบบจะให้คุณอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงต่ำและได้รับส่วนลดเบี้ยประกัน แต่ถ้าตรงกันข้าม ก็อาจถูกปรับเบี้ยให้สูงขึ้นได้ ก่อนตัดสินใจว่าจะแชร์ข้อมูลดีหรือไม่ ลองเปรียบเทียบประกันรถยนต์ ทั้งแบบเดิมและประกันรถยนต์แบบใหม่ เพื่อดูความคุ้มค่าในระยะยาวซะก่อน
ข้อดีของการใช้ระบบ Telematics กับประกันรถยนต์
การใช้ระบบ Telematics กับประกันรถยนต์แบบใหม่ กำลังกลายเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้รับเบี้ยประกันที่เป็นธรรมมากขึ้น (ตามพฤติกรรมการขับจริง) ไม่ใช่แค่ประวัติหรือข้อมูลทั่วไป ระบบนี้ยังช่วยเสริมความปลอดภัย และเพิ่มความโปร่งใสในการประเมินความเสี่ยงอีกด้วย และนี่คือข้อดีที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจใช้งานจริง
- ประหยัดค่าเบี้ยประกัน: ผู้ขับขี่ที่ขับอย่างปลอดภัยจะได้รับส่วนลดที่มากกว่าประกันรูปแบบเดิม
- ส่งเสริมพฤติกรรมการขับขี่ที่ดี: ผู้ใช้มีแนวโน้มจะขับรถระวัง ไม่ฝ่าฝืนกฎจราจร มากขึ้น เพราะรู้ว่ากำลังถูกติดตาม
- ความโปร่งใสในการประเมินความเสี่ยง: บริษัทประกันประเมินความเสี่ยงจากพฤติกรรมจริง ไม่ใช่จากสถิติแบบเหมารวม
- เพิ่มความปลอดภัยในระยะยาว: บางระบบสามารถแจ้งเตือนเมื่อมีพฤติกรรมเสี่ยง หรือแนะนำเส้นทางที่ปลอดภัยกว่า
นิโคลาส ฟาเกต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทรู้ใจกล่าวว่า “เทเลเมติกส์ สามารถเปลี่ยนแปลงธุรกิจประกันภัย จากที่ต้องตอบสนองเมื่อเกิดเหตุ มาเป็นการป้องกันก่อนเกิดเหตุ ดังนั้นการช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าใจและปรับปรุงพฤติกรรมเสี่ยงต่ออุบัติเหตุของตนเอง ไม่เพียงแต่ช่วยลดอุบัติเหตุ แต่ยังปูทางการสร้างประสบการณ์ประกันภัยที่โปร่งใส และชาญฉลาดมากขึ้นในอนาคต” (ที่มา: “รู้ใจ” ชวนทำความรู้จักเทคโนโลยี Telematics ก่อนเปิดตัวในไทย)
ระบบ Telematics ทำงานร่วมกับ Autopilot อย่างไร?
ในรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หรือรถอัจฉริยะอย่าง Tesla หรือ รถไฟฟ้า BYD ในไทย ได้เริ่มผสานเทคโนโลยี Telematics เข้ากับระบบ autopilot หรือระบบขับขี่อัตโนมัติ โดยมีการทำงานร่วมกันดังต่อไปนี้
- Telematics ส่งข้อมูลสภาพแวดล้อม: เช่น ความเร็วของรถคันข้างหน้า ระยะห่าง และความเร็วเฉลี่ยของรถยนต์บนถนน
- autopilot ใช้ข้อมูลเพื่อปรับการขับขี่อัตโนมัติ: เช่น ลดความเร็วเมื่อเข้าโค้ง หรือเปลี่ยนเลนอย่างปลอดภัย
- การเรียนรู้แบบเรียลไทม์: รถสามารถเรียนรู้พฤติกรรมจากผู้ขับขี่ และนำมาปรับใช้กับ autopilot เพื่อให้การขับขี่อัตโนมัติปลอดภัยยิ่งขึ้น
- การรายงานข้อมูลกลับบริษัท: ไม่ว่าจะขับเองหรือใช้ autopilot ระบบ Telematics ก็ยังคงรายงานข้อมูลการใช้งานกลับไปยังบริษัทประกันหรือผู้ผลิต
ทั้งนี้ ระบบ Autopilot ที่ทำงานควบคู่กับ Telematics มีแนวโน้มจะลดอุบัติเหตุได้มากกว่า แถมยังสามารถสร้างโปรไฟล์ขับขี่อัจฉริยะได้แม่นยำขึ้น โดยเฉพาะสำหรับใช้ในการวิเคราะห์ในอนาคต
หลังจากที่ทำความเข้าใจไปแล้วว่า Telematics คืออะไร แต่คุณยังคงหาคำตอบว่า จะแชร์ข้อมูลการขับขี่ แลกกับราคาเบี้ยประกันรถยนต์ที่ถูกลงหรือไม่? คำถามนี้ไม่มีคำตอบเดียวที่เหมาะกับทุกคน เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับ “พฤติกรรมการขับขี่ และความสบายใจในการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว” ถ้าคุณขับรถดีและไม่กังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวมากนักระบบ Telematics อาจช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่าย และทำให้ถนนปลอดภัยขึ้นในระยะยาว
คำจำกัดความ
เป็นธรรม | ถูกต้อง ยุติธรรม เที่ยงตรง และ สมเหตุสมผล โดยปราศจากการลำเอียง การเลือกปฏิบัติ หรืออคติ |
พิกัดทางภูมิศาสตร์ | ระบบการใช้ ละติจูด (เส้นรุ้ง) และ ลองจิจูด (เส้นแวง) เพื่อระบุตำแหน่งใดๆ บนพื้นผิวโลก โดยเป็นค่าเชิงมุมที่วัดจากเส้นศูนย์สูตรและเส้นเมริเดียนกรีนิชตามลำดับ |
รถอัจฉริยะ | ยานพาหนะที่นำเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), เซ็นเซอร์, กล้อง, และเทคโนโลยี IoT มาผสานรวมกับระบบต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการขับขี่ |