การฝ่าฝืนกฎจราจร จะส่งผลต่อเบี้ยประกันรถยนต์
ที่คุณจ่ายอย่างไรบ้าง?

แชร์ต่อ
พฤติกรรมการขับขี่รถยนต์ ส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันรถยนต์อย่างไร

เคยสงสัยไหมว่าการฝ่าฝืนกฎจราจร ส่งผลต่อเบี้ยประกันรถยนต์ได้อย่างไร? และถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด อันเนื่องมาจากการกระทำผิดบนท้องถนน บริษัทประกันจะยังให้ความคุ้มครองหรือไม่? คำถามที่คนใช้รถทุกคน “ควรรู้” หากมีประกันต้องรักษาสิทธิ์การคุ้มครอง

MrKumka จะพาคุณไปหาคำตอบกัน ว่าด้วยเรื่องทำผิดกฎจราจรจะมีผลต่อเบี้ยประกันอย่างไร รวบรวมรายละเอียดที่น่าสนใจมาให้คุณเรียบร้อยแล้ว ไปติดตามพร้อม ๆ กับเราได้เลย !

ทำความเข้าใจ “กฎจราจร” ก่อน ฝ่าฝืนกฎจราจร แบบไม่รู้ตัว

กฎจราจร คือ “ส่วนหนึ่ง” ของกฎหมายจราจร ในการบังคับและควบคุมการจราจรบนท้องถนนให้เป็นไปอย่างสงบ ซึ่งกฎหมายจราจรที่ประเทศไทยใช้อยู่ในปัจจุบันคือ “พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับใหม่) พ.ศ.2565” โดยมีอัตราโทษตามกฎหมายดังต่อไปนี้

  • ขับรถฝ่าสัญญาณไฟจราจร ปรับไม่เกิน 4,000 บาท จากเดิมไม่เกิน 1,000 บาท
  • ขับรถย้อนศร ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดินไม่เกิน 500 บาท
  • ไม่สวมหมวกนิรภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมไม่เกิน 500 บาท
  • ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมไม่เกิน 500 บาท
  • ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยต่อชีวิต และร่างกายของผู้อื่น โทษปรับ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จากโทษปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • ละเมิดกฎหมายขับเร็ว ปรับไม่เกิน 4,000 บาท จากเดิมไม่เกิน 1,000 บาท
  • ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย ปรับไม่เกิน 4,000 บาท จากเดิมไม่เกิน 1,000 บาท

เมื่อได้รู้แล้วว่ากฎหมายจราจรฉบับใหม่มีการเปลี่ยนแปลงค่าปรับและโทษที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นควรจะปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากความประมาท แต่ถ้ารู้สึกว่า “อุบัติเหตุ” เป็นอะไรที่ยากเกินจะควบคุม แนะนำให้เลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ที่พร้อมเคียงข้างคุณทุกการเดินทาง

มากไปกว่านั้นการทำผิดกฎจราจรอาจทำให้คุณมีปัญหาต่อการต่อภาษีรถยนต์ประจำปีและ พรบ อีกด้วย หากไม่ชำระค่าปรับจากการทำผิดกฎจราจรให้เรียบร้อยก่อน ตัวรถจะไม่สามารถต่อภาษีได้

ประกันรถยนต์ ไม่ให้ความคุ้มครอง
กรณี “ทำผิดกฎหมายจราจร” เรื่องใดบ้าง?

กรณีฝ่าฝืนกฎหมายจราจร ที่ประกันรถยนต์ไม่ให้ความคุ้มครอง

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าการทำผิดกฎจราจรบางอย่าง ส่งผลต่อการได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัยรถยนต์ด้วย โดยความผิดที่ว่า มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • เมาแล้วขับ

    กฎหมายกำหนดเอาไว้ว่าห้ามไม่ให้ขับขี่รถในขณะเมาสุรา ซึ่งถ้าหากคุณฝ่าฝืน นอกจากจะโดนตำรวจจับแล้ว ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ บริษัทประกันจะไม่รับผิดชอบและไม่ให้ความคุ้มครองใด ๆ เนื่องจากมองว่าเป็น “เพิ่มความเสี่ยง” ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ

  • ขนของผิดกฎหมาย

    ไม่ว่าจะเป็นการขนยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฎหมายทุกประเภท จะรู้ก็ดีหรือไม่รู้ก็ดี ในกรณีที่รถยนต์คันดังกล่าวไปก่อเหตุมา บริษัทประกันจะไม่คุ้มครองใด ๆ ด้วยเช่นกัน

  • ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์

    ไม่มีใบขับขี่ และรวมถึงใบอนุญาตขับขี่หมดอายุด้วย หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น จะไม่ได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัย แนะนำให้พกใบขับขี่ติดตัวเอาไว้เสมอ หรือเมื่อเห็นว่าใบขับขี่ใกล้หมดอายุ ควรจะดำเนินการต่อใบขับขี่ให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง

  • ดัดแปลงสภาพรถเพื่อเอาไปใช้ในการแข่งความเร็ว

    หากการดัดแปลงที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพื่อเพิ่มสมรรถภาพของรถ แต่เป็นการนำไปขับขี่แข่งในสนาม หรือบนถนนเส้นไหนก็ตาม บริษัทประกันจะไม่รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ แต่ถ้าเป็นกรณีดัดแปลงเพื่อเพิ่มสมรรถภาพ เช่น ยาง โช้คอัพ ระบบเบรก หรืออื่น ๆ สามารถแจ้งบริษัทฯ เพื่อซื้อแผนความคุ้มครองเพิ่มเติมได้ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละบริษัทฯ ด้วย

    *หมายเหตุ: ในกรณีไม่แจ้งให้ทางบริษัทฯ ทราบถึงการดัดแปลงดังกล่าว บริษัทฯ อาจพิจารณาชดใช้เฉพาะชิ้นส่วนมาตรฐาน ไม่รวมส่วนที่ตกแต่งมาเพิ่มเติม

ซึ่งทั้งหมดนี้คือการทำผิดกฎจราจร ที่คุณควรพาตัวเองออกมาให้ไกลมากที่สุด ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องปวดหัวกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา ไม่ว่าจะเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น การเกิดคดีความต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งการสูญเสีย แนะนำให้ปฏิบัติตามกฎหมายจราจร และขับขี่บนท้องถนนอย่างมีสติ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ

พฤติกรรมการขับขี่ ส่งผลต่อ “เบี้ยประกันรถยนต์” อย่างไร?

การทำผิดกฎจราจรจริง ๆ ไม่มีผลต่อค่าเบี้ยประกันรถยนต์โดนตรงแต่จะมีผลในทางอ้อม สำหรับคนที่มีประวัติการเคลมหรือประวัติการเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่บนท้องถนนจนต้องเคลมซ่อม จะส่งผลต่อค่าเบี้ยประกัน มีผลกระทบต่อค่าเบี้ยทำให้มีราคาสูงกว่าคนที่ไม่มีประวัติการเคลมใด ๆ หรือไม่เคยมีอุบัติเหตุมาก่อน หากเป็นกรณีหลังนอกจากเบี้ยจะถูกกว่าแล้ว ยังมีโอกาสได้รับ “ส่วนลด” ค่าเบี้ยประกันเมื่อต่ออายุกรมธรรม์ปีถัดไปด้วย โดยมีเงื่อนไขดังนี้

  1. ทำประกันรถยนต์กับบริษัทฯ เดิมอย่างต่อเนื่อง
  2. ปีก่อนต่ออายุกรมธรรม์ไม่มีการแจ้งเคลมกรณีเป็นฝ่ายผิด หรือไม่มีคู่กรณี
  3. ประกันรถยนต์ต้องขาดไม่เกิน 3 เดือน

ในกรณีที่คุณทำผิดกฎหมายจราจร ไม่ว่าจะตามที่เราบอกไปเมื่อข้างต้น หรือกฎจราจรข้ออื่น ๆ บริษัทฯ อาจพิจารณาค่าเบี้ยประกัน รวมถึงความคุ้มครองตามเหมาะสม หากไม่ต้องการแบกรับภาระค่าใช้จ่าย หรือความรับผิดชอบใด ๆ ที่อาจจะตามมาในอนาคต ทางที่ดีอย่าได้คิดทำผิดกฎจราจรจะดีที่สุด

โดยเฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1
ช่วยให้รถยนต์คู่ใจของคุณได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน ค่ารักษาพยาบาล และอื่น ๆ โดยที่คุณไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จนหลังแอ่น แต่ก็ควรระวังการทำผิดบางอย่าง ที่อาจจะทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครอง หรือทำให้ค่าเบี้ยประกันสูงกว่าปกติ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ MrKumka เพื่อให้คุณได้รับกรมธรรม์ที่ตอบโจทย์ พาคุณอุ่นใจตลอดการเดินทาง คลิกเลย MrKumka.com

เปรียบเทียบราคา หรือ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

บทความที่น่าสนใจ

เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่