หลายครั้งที่มักเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี ทั้งความประมาท ไม่ระมัดระวัง เหม่อลอย ฯลฯ ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่าการเคลมประกันรถยนต์ แบบไม่มีคู่กรณี ให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากสาเหตุนี้ด้วยไหม
หากต้องการเคลมประกันภัยในลักษณะนี้ต้องจ่ายอะไรเพิ่มหรือเปล่า? พร้อมข้อควรรู้อื่น ๆ ที่คนมีรถจำเป็นต้องรู้ มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้รวบรวมมาให้หมดแล้ว ไปทำความเข้าใจกันเลย
เจาะลึก การชนแบบไม่มีคู่กรณี คืออะไร?
ก่อนทำความเข้าใจประเด็นการเคลมประกันรถยนต์แบบไม่มีคู่กรณี มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า “การชนแบบไม่มีคู่กรณี” คือ การนำรถเข้าซ่อมกับอู่ซ่อมรถหรือศูนย์บริการ ที่เกิดจากการเกิดอุบัติเหตุแบบไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ เช่น ถูกชนแล้วหนี, ขับรถชนกำแพง, รถถูกน้ำท่วม รวมถึงต้นไม้ล้มทับรถ เป็นต้น
ซึ่งการเคลมประกันภัยแบบไม่มีคู่กรณี จะมีเพียง “ประกันรถยนต์ชั้น 1” เท่านั้น ที่ให้ความคุ้มครอง ไม่ว่าจะเกิดเหตุลักษณะไหน สถานที่ใด เวลาเท่าไหร่ สามารถแจ้งเคลมรถได้ทันที (เคลมสด) หรือจะเคลมแห้งด้วยการปล่อยเวลาไว้ 2-3 วันหรือมากกว่าก็ได้ ในส่วนของขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์ลักษณะดังกล่าว จะเป็นยังไง ตามไปทำความเข้าใจต่อด้านล่างได้เลย
วิธีเคลมประกันรถยนต์ ไม่มีคู่กรณี ทำยังไง?
เชื่อว่าเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน แม้จะเป็นการชนแบบไม่มีคู่กรณี อาจทำให้ผู้ขับขี่เสียขวัญอยู่ไม่น้อย สิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือตั้งสติ พร้อมทำตามขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์ที่ถูกต้อง เพื่อรอรับการช่วยเหลือที่รวดเร็วทันใจ โดยมีขั้นตอน ดังนี้
1. โทรแจ้งบริษัทประกัน
ทันทีที่เกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี สิ่งที่ควรทำหลังจากตั้งสติได้แล้ว คือ รีบโทรแจ้งบริษัทประกันภัย พร้อมกับแจ้งรายละเอียดว่าเกิดเหตุที่บริเวณไหน เกิดได้ยังไง เลขทะเบียนรถ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เดินทางมาตรวจสอบ ณ ที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน ทั้งนี้อย่าลืมแจ้งหมายเลขกรมธรรม์ ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ของผู้เอาประกันด้วย
2. รวบรวมเอกสารประกอบการเคลมรถ
สำหรับวิธีเคลมประกันรถยนต์ ไม่มีคู่กรณีข้อต่อมาหลังจากแจ้งบริษัทประกันแล้ว ให้รวบรวมเอกสารเพื่อส่งให้กับบริษัทประกัน ได้แก่ กรมธรรม์ ใบเคลม ใบขับขี่ บัตรประชาชน เล่มทะเบียนรถ รวมถึงภาพถ่ายความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการเคลมรถต่อไป
หากเป็นกรณีโดนชนแล้วหนี และคุณมีหลักฐานจากกล้องหน้ารถ รวมถึงจดจำทะเบียนรถของคู่กรณีได้ ให้แจ้งรายละเอียดเพื่อนำไปดำเนินคดีต่อไป หรือจะหาจากกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าว เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบเพิ่มเติมก็ได้เช่นกัน
3. เจ้าหน้าที่นัดหมายประเมินสภาพรถ
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันได้รับเอกสารต่าง ๆ ครบถ้วน จะทำการนัดวันเพื่อตรวจประเมินสภาพรถ ว่าตรงกับที่แจ้งไว้ในตอนแรกหรือไม่ และจะออกใบประเมินความเสียหาย (ใบเคลมรถ) โดยผู้เอาประกันสามารถส่งไปเคลมที่ศูนย์บริการซ่อมรถยนต์หรืออู่ซ่อมรถในเครือของบริษัทได้ทันที (เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์)
4. นำรถเข้าศูนย์เพื่อซ่อม
เมื่อได้รับใบเคลมแล้ว สามารถนำรถไปซ่อมเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่สะดวก แต่จำให้ดีว่า “ใบเคลมมีอายุ 1 ปี” เท่านั้น เมื่อนำรถไปจัดซ่อมเพียงนำใบเคลม พร้อมกับเซ็นเอกสารสั่งซ่อม ทางศูนย์ก็จะประเมินแล้วนัดวันรับรถ แค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อย
ทั้งนี้รายละเอียดการแจ้งเคลม ความรวดเร็วในการให้บริการ ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัทเป็นหลัก นอกจากจะเปรียบเทียบประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองที่ตอบโจทย์แล้ว ยังควรเช็ครีวิวบริษัทประกันให้ดีด้วย เพื่อให้คุณได้รับสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่ แถมยังได้รับความคุ้มครองที่รวดเร็วทันใจเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
ต้องการเคลมรถ แบบไม่มีคู่กรณี มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
แม้ว่าหลายคนจะทราบดีอยู่แล้ว ว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทุกกรณี แต่ก็อดสงสัยอยู่ลึก ๆ ไม่ได้ ว่าถ้าหากเป็นวิธีเคลมประกันรถยนต์ ไม่มีคู่กรณีเช่นนี้ มีค่าใช้จ่ายอะไรที่ต้องเตรียมไว้ด้วยหรือไม่ คำตอบคือ “ต้องเตรียมค่าเสียหายส่วนแรก” เอาไว้ด้วย ปกติแล้วจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ ดังนี้
1. ค่า Excess
เป็นจำนวนเงินที่ผู้เอาประกันต้องจ่าย เมื่อเกิดความเสียหาย และต้องเคลมประกันชั้น 1 หรือประกันที่คุ้มครองเต็มจำนวน โดนรถชนแต่ไม่มีคู่กรณี รวมถึงขับรถชนเสาไฟฟ้า ต้นไม้ล้มทับรถ รถเกิดรอยขีดข่วนไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งโดยทั่วไปค่า Excess จะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทต่อเหตุการณ์
2. ค่า Deductible
ค่าเสียหายส่วนแรกรูปแบบนี้ เป็นจำนวนเงินที่ผู้เอาประกันตกลงจะรับผิดชอบเอง ในกรณีที่เกิดความเสียหาย และต้องเคลมรถ โดยจำนวนนี้จะถูกระบุไว้อย่างชัดเจนในกรมธรรม์ ส่วนใหญ่มักมีมูลค่าตั้งแต่ 1,000-5,000 บาท ถ้าหากเลือกจ่ายจำนวนสูงเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ค่าเบี้ยประกันถูกลงตามไปด้วย
การเคลมประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่มีคู่กรณี เคลมบ่อย vs ไม่เคลมเลย ต่างกันยังไง?
ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยถึงภาพรวมผลประกอบการธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2566 ว่า “จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ส่งผลให้ในปีนี้ธุรกิจประกันวินาศภัยเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนกันยายน 2566 รวม 9 เดือนที่ผ่านมา มีอัตราเติบโต 5.2% มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 210,141 ล้านบาท โดยการประกันภัยแต่ละประเภทยังคงมีแนวโน้มที่ดี (ที่มา: Thai General Insurance Association : สมาคมประกันวินาศภัยไทย)
แม้ว่าทุกคนจะให้ความสำคัญกับการซื้อประกันติดรถเอาไว้เพิ่มมากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่คนมีรถหลายคนมักไม่เคยรู้มาก่อน คือ การเคลมประกันภัยบ่อย ๆ vs ไม่เคลมเลย ล้วนส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันในปีถัดไปทั้งนั้น ถ้าอยากรู้ว่าส่งผลยังไงบ้าง ควรจะใช้วิธีเคลมประกันรถยนต์ชั้น 1 แบบไหน ตามไปหาคำตอบกันเลย
เคลมประกันบ่อย
ถึงแม้ว่าประกันรถยนต์จะไม่ได้มีข้อจำกัดว่าสามารถเคลมได้สูงสุดกี่ครั้งต่อปี แต่ถ้าคุณเคลมบ่อย ๆ โดยเฉพาะในกรณีรถเป็นรอยขูด เคลมประกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็แจ้งเคลมทันที ก็อาจมี ‘สิ่งอื่น’ ตามมาด้วย ดังนี้
- ส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันในปีถัดไป รวมถึงบริษัทประกันอาจพิจารณาปรับเพิ่มเบี้ย หากมีประวัติการเคลมรถสูง
- บางกรมธรรม์อาจมีเงื่อนไขพิเศษ เช่น จำกัดวงเงินความคุ้มครองรวมต่อปี
- การเคลมประกันภัยบ่อย ๆ อาจทำให้เสียสิทธิ์ส่วนลดประวัติดีในปีถัดไปได้
หากเคลมรถบ่อย จะส่งผลต่อเบี้ยประกันปีถัดไปยังไง?
ถ้ายังมองภาพไม่ออกว่าการแจ้งเคลมรถบ่อย ๆ หรือถี่เกินไป จะส่งผลต่อเบี้ยประกันในปีถัดไปยังไงบ้าง? ยกตัวอย่างง่าย ๆ หากปีปัจจุบันส่วนลดประวัติดีของคุณอยู่ที่ 30% และคุณแจ้งเคลมประกันภัยบ่อยเกินไป หรือการเคลมประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่มีคู่กรณีหลายต่อหลายครั้งในรอบปี จะส่งผลให้ส่วนลดประวัติดีในปีถัดไปลดลงเหลือ 20% พูดง่าย ๆ ว่าลดไป 1 ชั้น นั่นเอง
นอกจากนี้ หากคุณเคลมรถแบบไม่มีคู่กรณี ‘มากกว่า’ 2 ครั้ง และมูลค่าการเคลมเกิน 200% ของค่าเบี้ยประกัน ส่วนลดประวัติดีจะลดลง 2 ขั้น ซึ่งหมายความว่าในการต่อประกันส่วนลดประวัติดีของคุณจะเหลือ 0% นั่นเอง
ไม่แจ้งเคลมเลย
หากรถของคุณไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ ไม่มีร่องรอยความเสียหายที่ไม่ทราบสาเหตุเกิดขึ้น หรือเก็บร่องรอยต่าง ๆ ไว้เคลมรอบคันก่อนประกันหมดอายุ (เคลมน้อย) ส่วนลดประวัติดีก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับ ดังนี้
- ไม่มีการเคลมในปีแรก ส่วนลดประวัติดี จะเพิ่มขึ้น 20% ในปีถัดไป
- ไม่มีการเคลมเป็นเวลา 2 ปี ส่วนลดประวัติดี จะเพิ่มขึ้น 30% ในปีถัดไป
- ไม่มีการเคลมเป็นเวลา 3 ปี ส่วนลดประวัติดี จะเพิ่มขึ้น 40% ในปีถัดไป
- ไม่มีการเคลมเป็นเวลา 4 ปี ส่วนลดประวัติดี จะเพิ่มขึ้น 50% ในปีถัดไป
นอกจากนี้การเคลมประกันภัยกรณีที่คุณเป็นฝ่ายถูก สามารถระบุคู่กรณี หรือเหตุการณ์ วัน เวลา สถานที่ที่รถได้รับความเสียหายได้ แบบนี้ก็จะไม่ส่งผลต่อส่วนลดประวัติดีด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นแนะนำว่าทุก ๆ ครั้งที่ต้องการเคลมรถ แม้จะเป็นการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี อย่าตอบว่าไม่รู้ แต่ให้หยิบยกสถานการณ์ต่าง ๆ มาพูด เพื่อให้บริษัทประกันเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น
แม้ว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมทุกกรณี แต่ก็ควรทำความเข้าใจรายละเอียด โดยเฉพาะเงื่อนไขการเคลมประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่มีคู่กรณีให้ดี เพราะนอกจากจะมีค่าใช้จ่ายเมื่อต้องการเคลมประกันภัยเกิดขึ้นแล้ว ยังอาจส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันในปีถัดไปด้วย หากคิดจะซื้อประกันที่คุ้มครองตอบโจทย์ อย่าได้มองข้ามประเด็นนี้เด็ดขาด
คำจำกัดความ
ความประมาท | ความเลินเล่อ, การขาดความระมัดระวัง |
หมายเลขกรมธรรม์ | เลขสำหรับนำไปอ้างอิงในการดำเนินการต่าง ๆ เกี่ยวกับประกันภัย |
เสียขวัญ | หวาดหวั่นหมดกำลังใจ, ตระหนกตกใจเพราะขาดขวัญ และกำลังใจ |