ประกันแบบ Deduct ดีไหม คู่มือเลือกประกันให้ตอบโจทย์

ประกันแบบ Deduct ดีไหม คู่มือเลือกประกันให้ตอบโจทย์ | มิสเตอร์ คุ้มค่า

การเลือกประกันรถยนต์เป็นสิ่งที่สำคัญ ในการปกป้องทรัพย์สินของคุณจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเรื่องประกันรถยนต์ คือ ประกันแบบที่มีค่าดีดัก (Deductible) หรือที่เรียกกันว่า “ประกันมีค่าเสียหายส่วนแรก” แต่หลาย ๆ คนอาจยังไม่คุ้นเคยกับข้อดี ข้อสังเกตของการเลือกประกันแบบนี้ มีอะไรบ้าง มิสเตอร์ คุ้มค่า จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าประกันแบบ Deduct ดีไหม พร้อมกับคำตอบในหลากหลายคำถามที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถเลือกประกันที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด ตามไปดูกันเลย

ทำไมบริษัทประกันภัยถึงต้องมีค่าเสียหายส่วนแรก?

ค่าเสียหายส่วนแรก หรือ Deductible เป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้เอาประกันต้องจ่ายเอง ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งมีเงื่อนไขว่า ก่อนที่บริษัทจะเข้ามาจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกัน ผู้เอาประกันต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกตรงนี้ก่อนเสมอ

เหตุผลที่บริษัทประกันต้องมีค่าเสียหายส่วนแรก

  • ลดความเสี่ยงในการเคลมบ่อย: การกำหนดค่าเสียหายส่วนแรก ช่วยให้ผู้ขับขี่รถยนต์มีความระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น เพราะรู้ว่าจะต้องจ่ายเงินเองบางส่วน ในกรณีที่เกิดความเสียหาย
  • ช่วยให้เบี้ยประกันต่ำลง: เมื่อผู้เอาประกันยอมรับที่จะจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกด้วยตัวเอง บริษัทประกันสามารถลดค่าใช้จ่ายในการเคลม และนำมาลดเบี้ยประกันได้
  • เพิ่มความยืดหยุ่นในการเลือกประกัน: ผู้เอาประกันสามารถเลือกอัตราค่าเสียหายส่วนแรกที่เหมาะสมกับตนเอง ซึ่งจะมีผลต่อการคำนวณเบี้ยประกัน
ทำไมบริษัทประกันภัยถึงต้องมีค่าเสียหายส่วนแรก? | มิสเตอร์ คุ้มค่า

พร้อมที่จะเปรียบเทียบประกันรถยนต์หรือยัง?

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

ถ้ายอมจ่ายเองบางส่วน จะได้เบี้ยประกันถูกลงอย่างไร?

การเลือกประกันแบบมีค่าดีดัก หรือเรียกว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่มีค่าเสียหายส่วนแรก จะทำให้เบี้ยประกันต่ำลง เนื่องจากบริษัทประกันไม่ต้องรับผิดชอบในทุกกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ การยอมรับค่าเสียหายส่วนแรกมีข้อดีหลายประการ ดังนี้

  • ลดเบี้ยประกัน: เบี้ยประกันจะถูกกว่าการซื้อประกันแบบไม่มี Deduct เนื่องจากบริษัทประกันจะมีค่าใช้จ่ายในการเคลมน้อยลง
  • ลดการเคลมบ่อย: เมื่อผู้เอาประกันต้องจ่ายเงินบางส่วนเอง จะทำให้การเคลมบ่อยครั้งลดลง ซึ่งเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับบริษัทประกัน

ตัวอย่างการคำนวณเบี้ยประกัน

หากคุณเลือกประกันชั้น 1 โดยมีค่าดีดัก 5,000 บาท เบี้ยประกันของคุณอาจลดลงประมาณ 10-20% เมื่อเทียบกับการเลือกประกันที่ไม่มีค่าดีดัก ในกรณีที่ประสบอุบัติเหตุที่ไม่รุนแรง คุณก็จะเสียงเงินในจำนวนที่ต่ำกว่าค่าเบี้ยประกันที่สูงขึ้น

และนี่คือข้อดีของการเปรียบเทียบประกันรถยนต์ เพราะการเลือกแผนประกันที่มีค่าดีดักหรือค่าเสียหายส่วนแรก เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คุณลดเบี้ยประกันได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยการเลือกแผนที่มีค่าดีดักหมายความว่า “คุณยอมรับความเสี่ยงบางส่วน” โดยไม่ต้องรอให้บริษัทประกันจ่ายทั้งหมด

เคลมชนเล็กน้อย จ่ายเองอาจคุ้มกว่าจริงไหม?

หากเกิดอุบัติเหตุที่ไม่รุนแรง เช่น ขีดข่วนเล็กน้อย หรือแค่เสียหายบางจุด คำถามที่อาจเกิดขึ้น คือ ควรจะเคลมหรือจ่ายเองดี? ในกรณีนี้การจ่ายค่าเสียหายเองอาจคุ้มกว่าในการ ‘รักษาค่าเบี้ยประกันในระยะยาว’ เนื่องจากการเคลมบ่อย ๆ อาจทำให้เบี้ยประกันเพิ่มสูงขึ้นในปีถัดไป

ทำไมการจ่ายเองอาจดีกว่าเคลม?

  • ประหยัดค่าเบี้ยประกันในอนาคต: การเคลมบ่อย ๆ อาจทำให้เบี้ยประกันในปีถัดไปสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีประวัติการเคลม
  • ค่าเสียหายต่ำ: หากความเสียหายไม่มาก เช่น รอยขีดข่วนเล็กน้อย การจ่ายเงินเพื่อซ่อมแซมเองอาจจะคุ้มกว่าการแจ้งเคลม ซึ่งจะเสียค่าดีดัก และอาจทำให้เบี้ยประกันเพิ่มขึ้นในอนาคต

ซื้อประกันแบบมีค่าเสียหายส่วนแรก เคลมปีละกี่ครั้งถึงจะคุ้ม?

คงไม่มีใครอยากได้ความคุ้มค่าประเภทนี้ ที่ต้องเคลมบ่อย ๆ เสียรถ รถช้ำ แถมเสียเวลา ไม่มีรถใช้ และเมื่อคุณเลือกซื้อประกันรถยนต์แบบมีค่าดีดัก คุณอาจสงสัยว่าจะต้องเคลมเท่าไหร่ถึงคุ้มกับการเลือกประกันรถยนต์ประเภทนี้? คำตอบคือ การซื้อประกันแบบมีค่าดีดักจะคุ้มค่า ก็ต่อเมื่อคุณ “ไม่เคลม” หรือเคลมไม่บ่อย โดยทั่วไปแล้วผู้เอาประกันสามารถเคลมได้ 1-2 ครั้งต่อปี ก่อนที่ค่าดีดักจะทำให้การเคลมไม่คุ้มค่า ดังตัวอย่างต่อไปนี้

  • หากค่าดีดักของคุณคือ 5,000 บาท และความเสียหายจากอุบัติเหตุเพียง 6,000 บาท การเคลมจะไม่คุ้มค่า เพราะคุณจะต้องจ่าย 5,000 บาทเอง และบริษัทประกันจะจ่ายเพียง 1,000 บาทเท่านั้น
  • หากความเสียหายจากอุบัติเหตุเกินกว่า 10,000 บาท การเคลมจะคุ้มค่า เพราะคุณจะต้องจ่ายค่าดีดัก 5,000 บาท ส่วนที่เหลือบริษัทประกันจะจ่ายให้

หาคำตอบ ค่า Excess จ่ายตอนไหน?

สำหรับค่าเอกเซส คือ ค่าเสียหายส่วนแรกภาคบังคับ เกิดขึ้นเฉพาะกับการเคลมประกันรถยนต์ชั้น 1 ถือเป็นค่าเสียหายส่วนแรกของผู้เอาประกันภัย ที่ต้องจ่ายให้กับบริษัทประกันเมื่อต้องการนำรถเข้าซ่อมที่ศูนย์หรืออู่ โดยจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเริ่มต้นที่ 1,000 บาท/เหตุการณ์ ในกรณีที่ผู้เอาประกันแจ้งเคลมอุบัติเหตุรถชนไม่ทราบคู่กรณี ไม่สามารถแจ้งรายละเอียดคู่กรณีได้ หรือประมาทเอง

รวมถึงมีสาเหตุที่ไม่ชัดเจน เช่น รถถูกกรีดจากของมีคม, ยางรถระเบิดจากการเหยียบของมีคม อาทิ ตะปู เศษแก้ว รถไถลลงข้างทาง โดนยางมะตอยบนถนน เป็นต้น เหตุผลที่บริษัทประกันจำเป็นต้องเก็บค่าใช้จ่ายส่วนนี้ เป็นเพราะกลัวคุณแจ้งเคลมทั้งที่ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจริง เพื่อมีเจตนาในการซ่อมรถฟรี เช่น อยากทำสีรถใหม่ก็เอาคัตเตอร์กรีดรถให้เป็นรอยแล้วโทรเรียกประกัน เพราะรู้ว่ายังไงประกันก็จ่าย

รู้หน่อยก่อนเคลม ใบเคลมมีอายุกี่วัน?

ใบเคลมประกันที่บริษัทประกันภัยออกให้ ณ วันที่เกิดเหตุ มีอายุ 2 ปี หมายความว่าคุณจะสามารถนำรถเข้าซ่อมเมื่อไหร่ก็ได้ภายใน 2 ปี แต่ขอแนะนำว่าหากได้รับใบเคลมจากบริษัทประกันภัยมาแล้ว ควรนำรถเข้าซ่อมที่ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถยนต์ใกล้ฉัน/a>ภายใน 15 วัน

ใบเคลมหาย แก้ไขอย่างไร?

  1. ติดต่อบริษัทประกัน: เมื่อรู้ตัวว่าใบเคลมหาย ต้องติดต่อบริษัทประกันภัย พร้อมแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อขอหมายเลขเคลม
  2. แจ้งความเอกสารหาย: หลังจากบริษัทประกันแจ้งหมายเลขเคลมมาแล้ว ให้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ โดยระบุรายละเอียดให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นหมายเลขเคลม เลขทะเบียนรถ ยี่ห้อรถ รุ่น และรายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อเป็นหลักฐานในการยื่นขอสำเนาใบเคลมกับทางบริษัทประกัน
  3. ขอสำเนาใบเคลมจากบริษัทประกันภัย: นำใบแจ้งความไปยื่นขอสำเนาใบเคลมจากบริษัทประกันภัย
  4. นำใบเคลมยื่นที่ศูนย์ซ่อมรถหรืออู่เพื่อแจ้งซ่อม:

การเลือกประกันแบบ Deduct ดีไหม ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของแต่ละคน หากคุณเป็นผู้ขับขี่ที่ระมัดระวัง ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ และไม่เคลมบ่อย การเลือกประกันที่มีค่าดีดัก อาจทำให้ประหยัดค่าเบี้ยประกันในระยะยาว และยังช่วยให้คุณควบคุมค่าใช้จ่ายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยได้ เพื่อความคุ้มครองที่คุ้มค่า ตอบโจทย์ อย่าลืมเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ

คำจำกัดความ

หมายเลขเคลม รหัสเฉพาะที่ใช้ระบุการเคลมประกันภัยแต่ละครั้ง ทำหน้าที่เหมือนบัตรประจำตัวสำหรับการเคลม
จัดซ่อม การนำรถเข้าซ่อมแซม
สำเนาใบเคลม เอกสารสำเนา ที่ออกให้โดยบริษัทประกันภัย เพื่อใช้ ยืนยันกับศูนย์บริการซ่อมรถหรืออู่ซ่อม ว่าบริษัทประกันจะรับผิดชอบค่าซ่อมความเสียหายของรถยนต์ที่ระบุไว้ในใบเคลม

เปรียบเทียบราคา หรือ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

02 080 9292 @mrkumka

บทความที่น่าสนใจ

เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่

Black Ribbon Top Left