ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ของ “อุตสาหกรรมประกันภัยรถยนต์” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ อัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในไทยกลับสูงกว่าหลาย ๆ ประเทศในอาเซียนอย่างชัดเจน มิสเตอร์ คุ้มค่า จะพาไปทำความเข้าใจถึง ‘ปัจจัย’ ต่าง ๆ ที่ส่งผลให้อัตราเบี้ยประกันในไทยมีราคาสูงกว่า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ตามไปเจาะประเด็นนี้พร้อม ๆ กันเลย
อัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในประเทศอาเซียน เมื่อเทียบกับประเทศไทย
หลาย ๆ ประเทศในอาเซียนมีอัตราเบี้ยประกันที่ต่ำกว่าประเทศไทยอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ มาจาก ‘ความแตกต่าง’ ในเรื่องของความเสี่ยง การบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงการแข่งขันในตลาดรถยนต์ ไปจนถึงล่าสุดที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เริ่มเข้ามาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลัก
ตัวอย่างประเทศในอาเซียนที่มีค่าเบี้ยประกันต่ำกว่าไทย
- มาเลเซีย: อัตราเบี้ยประกันภัยในมาเลเซียต่ำกว่าไทย เพราะมีการใช้ระบบที่แตกต่างกันในการบริหารความเสี่ยงและอุบัติเหตุ
- อินโดนีเซีย: แม้จะมีจำนวนรถยนต์มาก แต่ค่าเบี้ยประกันยังคงต่ำกว่าไทย เนื่องจากการคุ้มครองทางกฎหมายและต้นทุนการดำเนินการที่ต่ำกว่า
- ฟิลิปปินส์: เนื่องจากอัตราการเกิดอุบัติเหตุและความเสี่ยงต่าง ๆ ค่อนข้างต่ำ
พร้อมที่จะเปรียบเทียบประกันรถยนต์หรือยัง?
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ
3 ปัจจัยสำคัญ ทำไมเบี้ยประกันรถยนต์ไทยสูงกว่า?
การเปรียบเทียบระหว่างอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในไทย และประเทศอาเซียน เป็นสิ่งที่ทำได้ค่อนข้างง่าย แต่การจะหาคำตอบว่า “ทำไมอัตราเบี้ยประกันในไทยจึงสูงกว่า” มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ดังนี้
1. การเติบโตที่รวดเร็วของตลาดรถยนต์
ประเทศไทยมีตลาดรถยนต์ที่ใหญ่และเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การซื้อขายประเภทรถยนต์ต่าง ๆ มีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้บริษัทประกันภัยต้องจัดการกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสภาพการจราจรที่คับคั่ง
2. ประเภทความเสี่ยงที่สูงขึ้น
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้อัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในไทยสูงขึ้น คือ ประเภทของความเสี่ยงที่บริษัทประกันต้องรับผิดชอบมากกว่าประเทศในอาเซียน ความเสี่ยงในไทยมีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เกิดขึ้นบ่อย และสภาพถนนในบางพื้นที่ไม่เอื้ออำนวย นอกจากนี้สภาพการจราจรที่หนาแน่นและความเร็วในการขับขี่ที่สูง ก็เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
3. ภาษีรถยนต์ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง
อัตราภาษีรถยนต์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่ออัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ คือ ภาษีรถยนต์ที่เก็บจากเจ้าของรถในประเทศไทย โดยเฉพาะภาษีรถยนต์ 4 ประตูที่มักจะมีราคาสูงกว่ารถยนต์ประเภทอื่น ๆ เนื่องจากมูลค่าของรถที่สูงกว่า รวมถึงอัตราภาษีที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย ซึ่งบางครั้งทำให้ราคาประกันสูงขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ “การบังคับใช้ประกัน พ.ร.บ.” ที่ทำให้เบี้ยประกันสูงกว่า แม้ว่า พ.ร.บ. จะมีค่าเบี้ยต่ำ แต่เมื่อรวมกับประกันภัยภาคสมัครใจก็ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมสูงขึ้น พูดง่าย ๆ ว่าเป็นการ “เพิ่มภาระ” ให้กับเจ้าของรถยนต์ด้วยนั่นเอง
ทำไมประเทศไทย ถึงมีอุบัติเหตุทางถนนมากกว่าประเทศอื่น?
หนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้อัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์สูงในไทย คือ อัตราการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน แม้ว่าจะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางถนน และระบบจราจรในบางพื้นที่ แต่สภาพการขับขี่ในประเทศไทยยังคงมีความเสี่ยงสูง โดยมีสาเหตุหลักดังนี้
- การขับขี่ไม่เป็นระเบียบ: สภาพการจราจรในเมืองใหญ่ การไม่เคารพในกฎจราจร ขาดการเคร่งครัดที่ทั่วถึง เช่น กรุงเทพฯ ทำให้เกิดการขับขี่ที่ไม่มีระเบียบ ฝ่าฝืนกฎจราจรและการขับรถเร็วเกินกำหนด
- สภาพถนนไม่ดี: แม้ว่าจะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังมีบางพื้นที่ที่ถนนไม่สะดวกหรือเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
- การขาดความระมัดระวังในการขับขี่: พฤติกรรมการขับขี่ของคนไทยมักจะไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
ซึ่งการเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ทำให้บริษัทประกันภัยต้องเพิ่มค่าเบี้ย เพื่อรองรับความเสี่ยงจากเหตุการณ์เหล่านี้นั่นเอง
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตั้งราคาเบี้ยประกันรถยนต์ คืออะไร?
การตั้งราคาเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องพิจารณาในการคำนวณอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้รวบรวมรายละเอียดสำคัญมาให้แล้ว ดังนี้
- ประเภทของรถยนต์: ประเภทและแบรนด์รถยนต์มีผลต่อราคาเบี้ยประกัน เพราะรถยนต์ที่มีราคาสูงและมีเทคโนโลยีทันสมัย มักมีเบี้ยประกันที่สูงตาม
- ประวัติการขับขี่ของผู้เอาประกัน: ถ้าผู้เอาประกันมีประวัติการขับขี่ที่ดี ไม่มีการเกิดอุบัติเหตุ อัตราเบี้ยประกันอาจถูกลง แต่ถ้ามีประวัติการเคลมบ่อย มีพฤติกรรมเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ อัตราเบี้ยก็จะสูงขึ้น
- สถานที่ที่อยู่อาศัย: การเลือกพื้นที่ที่อยู่หรือขับขี่มีผลต่ออัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์
ในการเปรียบเทียบประกันรถยนต์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศอื่น ๆ ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการตั้งราคาเบี้ยประกัน โดยเฉพาะประเภทรถยนต์ ประวัติการขับขี่ของผู้เอาประกัน และสถานที่ที่อาศัยอยู่ ซึ่งทุกปัจจัยเหล่านี้มีผลโดยตรงกับค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่าย
การที่อัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในไทยแพงกว่าประเทศในอาเซียน เป็นผลมาจากหลายปัจจัยทั้งเรื่องของความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ การมีประกันภัยภาคบังคับ กฎหมายที่เข้มงวด และการแข่งขันในตลาดรถยนต์ที่สูง อย่างไรก็ตาม การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้เจ้าของรถยนต์สามารถเลือกซื้อประกันภัยที่เหมาะสมและคุ้มค่ามากขึ้น
คำจำกัดความ
| อัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ | จำนวนเงินที่ผู้เอาประกันต้องจ่ายให้บริษัทประกันเพื่อรับความคุ้มครองความเสี่ยงต่างๆ ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ |
| อัตราภาษีรถยนต์ | ค่าธรรมเนียมที่เจ้าของรถต้องชำระให้กับภาครัฐเป็นประจำทุกปี เพื่อนำไปพัฒนาและบำรุงรักษาระบบคมนาคม |
| ตลาดรถยนต์ | ระบบการแลกเปลี่ยนซื้อขายรถยนต์ ทั้งรถใหม่และรถมือสอง ที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในรูปแบบกายภาพ (เช่น โชว์รูม, เต็นท์รถ) และรูปแบบออนไลน์ |



