เงินเดือน 25,000 บาท ซื้อรถอะไรดี ? ถือเป็นคำถามยอดฮิตที่มนุษย์เงินเดือนให้ความสนใจ ก็ต้องบอกว่าในปัจจุบันมีรถยนต์ให้คุณเลือกเยอะมาก แต่ก่อนที่คุณจะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น คุณจะต้องรู้จักวางแผนค่าใช้จ่ายให้รัดกุมก่อน ไม่อย่างนั้นอาจเกิดปัญหาในภายหลังได้ ซึ่งในวันนี้ MrKumka ก็จะมาบอก “หลักการวางแผนซื้อรถ” ที่ค่อนข้างรัดกุม สามารถป้องกันปัญหาแสนสาหัสที่อาจจะตามมาได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะมีรายละเอียดเป็นอย่างไร ไปติดตามพร้อม ๆ กันได้เลย !
“รถยนต์” ถือเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยเพิ่มรายได้ และผลประโยชน์ต่าง ๆ ได้มากมาย แต่คุณจะต้องรู้จักวางแผนในการซื้อด้วย ไม่อย่างนั้นปัญหาจุกจิกต่าง ๆ จะตามมาอย่างแน่นอน หากอยากสกัดปัญหาต่าง ๆ ให้อยู่หมัด ก็ไปทำความเข้าใจ “ข้อควรรู้ก่อนซื้อรถยนต์” กันเลย !
สิ่งสำคัญอันดับแรกของการตัดสินใจซื้อรถ คือคุณจะต้องรู้เป้าหมายและความจำเป็นในการซื้อก่อน เช่น สร้างประโยชน์ในระยะยาว ให้ความสะดวกในการเดินทาง หรือความจำเป็นในหน้าที่การงาน เป็นต้น เพราะการรู้ความจำเป็นในการซื้อรถ จะช่วยให้คุณเลือกรถได้ตรงตามความต้องการ และใช้งานได้อย่างถูกจุดประสงค์
แต่ถ้าหากคุณไม่มีความจำเป็นในการซื้อรถ แค่อยากซื้อมาใช้ในระยะสั้น ๆ ซื้อมาขับเท่ ๆ หรือซื้อมาแล้วใช้งานไม่เต็มสมรรถนะ ก็อาจจะต้องทบทวนดูใหม่แล้วล่ะ
ก่อนตัดสินใจซื้อรถ แนะนำให้เช็ค “สถานะทางการเงิน” เบื้องต้นของตัวเองให้ดี มีความพร้อมที่จะดาวน์รถ ผ่อนรถ รวมถึงค่าใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ แล้วหรือยัง ? รวมถึงเช็คด้วยว่าสถานะของคุณเหมาะกับรถยนต์ราคาเท่าไหร่ ? ซึ่ง “ภาระหนี้” ที่ดี จะต้องไม่เกิน 35% ของรายได้ต่อเดือน ไม่อย่างนั้นการเงินของคุณอาจจะติดขัดได้
การซื้อรถยนต์ไม่ใช่เพียงแค่การจ่ายเงินดาวน์ หรือผ่อนชำระค่างวดเท่านั้น แต่ยังมีค่าใช้จ่ายอีกหลายส่วนที่จะตามมาทันที หลังจากที่คุณได้รับรถมาครอบครอง หรือที่เรียกกันว่า “ค่าใช้จ่ายแฝง” เช่น ค่าน้ำมัน ค่าประกันภัยรถยนต์ ค่าพรบ.และภาษีรถยนต์ ค่าเช็คระยะ ถ่ายน้ำมันเครื่อง และยังไม่รวมค่าซ่อมอื่น ๆ บอกเลยว่าหากมัดรวมค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นก้อนเดียว รับรองมีหนาว !
รถยนต์ไม่ได้อยู่กับเราไปตราบชั่วอายุเสียเมื่อไหร่ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปก็จะทรุดโทรมตามสภาพการใช้งาน บวกกับเมื่อมีรุ่นใหม่ ๆ ออกมา มูลค่าของรุ่นเก่าก็จะยิ่งน้อยลงตามไปด้วย จนกลายมาเป็น “ค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็น” หรือค่าเสื่อมราคารถยนต์
สำหรับการคำนวณค่าเสื่อมรถยนต์ แบบค่าใช้จ่าย “รายปี” ก็ง่ายมาก สมมติว่าคุณซื้อรถยนต์ ราคา 800,000 บาท อายุการใช้งาน 10 ปี มีราคาขายในอนาคต 200,000 บาท ค่าเสื่อมราคาเท่ากับ (800,000-200,000)/10 = 60,000 บาทต่อไป ซึ่งหมายความว่ามูลค่าของรถจะลดลง เดือนละ 5,000 บาท
หนี้แห่งความสุขกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า หากคุณตัดสินใจและตั้งเป้าหมายว่าจะซื้อรถแน่ ๆ ก็ควรจะตั้งคำถามกับตัวเองให้ดีว่า ควรซื้อรถด้วยวิธีไหน ? เช่น ซื้อสด หรือผ่อน และถ้าหากเลือกผ่อนจะต้องผ่อนแบบไหน ? ซึ่งในส่วนนี้แต่ละคนก็จะมีทางเลือกที่แตกต่างกันออกไป แต่อย่าลืมคำนวณค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นให้ดีด้วย ไม่งั้นจากที่เดือนชนเดือนก็อาจจะกลายเป็นหมุนเงินไม่ทันก็ได้
มนุษย์เงินเดือนที่มีรายรับอยู่ที่ 25,000 บาท หากต้องการซื้อรถยนต์คู่ใจ แนะนำว่าให้เลือกรุ่นที่มีค่าใช้จ่ายในการผ่อนอยู่ที่หลักพันจะดีกว่า เพราะถือเป็นราคาผ่อนที่พอจะรับไหว และไม่เบียดเบียนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ จนเกินไป แล้วควรเลือกซื้อรถรุ่นไหนดีล่ะ ? เราลิสต์รถยนต์น่าซื้อ ประจำปี 2022 มาให้คุณแล้ว !
Toyota Yaris ATIV 2022 ปรับโฉมใหม่ ! เน้นความหรูหรามากกว่าเดิม มาพร้อมกับ 3 รุ่นมาตรฐาน ให้คุณเลือกตามความเหมาะสม ดังนี้
Honda City 2022 ผสานความสปอร์ตและความหรูหรา ภายใต้ห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบาย เหนือระดับ ! มีให้เลือก 5 รุ่นย่อย คือ
Mazda 2 2022 มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ใหม่ ! LIVE LESS ORDINARY ฟังก์ชันครบครัน ตรงตามไลฟ์สไตล์ของคุณ ! มีให้เลือก 5 รุ่นย่อย คือ
หากจะซื้อรถยนต์สักคัน ก็ลองพิจารณา 5 ข้อควรรู้ที่เราบอกไปข้างต้นให้ดี โดยเฉพาะ “ความจำเป็น” ในการซื้อรถ รวมถึงวางแผนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้รัดกุม เช่น ค่าน้ำมัน ค่าภาษี ค่าซ่อมแซมบำรุง และค่าประกันภัยรถยนต์ หากอยากรู้ว่าประกันที่ไหนดี ราคาเท่าไหร่ ? สามารถเปรียบเทียบประกันรถยนต์ออนไลน์ได้แล้ววันนี้ ! ที่เว็บไซต์ MrKumka.com กรมธรรม์อุ่นใจที่คุณเลือกได้เอง คลิกเลย !
เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่