เตรียมพร้อมสำหรับช่วงปลายปี กับการเดินทางกันหรือยัง หากท่านกำลังตัดสินใจจะเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ หนึ่งในตัวเลือกที่อาจเหมาะสำหรับคนใช้รถที่ต้องการความคุ้มค่า นั่นคือ ยางใหม่ปีเก่า
“ยางรถยนต์ใหม่ ปีเก่า” คือ ยางที่ยังไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน ไม่เคยถูกติดตั้งกับรถยนต์จริง แต่เพียงแค่ผลิตในปีก่อนหน้าเท่านั้น เช่น ยางผลิตในปี 2024 ที่ยังคงเป็นยางใหม่ 100% เพียงแต่ไม่ใช่ล็อตใหม่ล่าสุดปี 2025
โดยทั่วไป ยางจะมี อายุการเก็บ (Shelf Life) อยู่ที่ประมาณ 3–5 ปี นับจากวันผลิต หากถูกเก็บรักษาในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น
- เก็บในที่ร่ม
- อุณหภูมิคงที่
- ไม่โดนแดดหรือความร้อนจัด
- ไม่สัมผัสกับน้ำมันหรือสารเคมี
ยางเหล่านี้จึงยังคงคุณภาพเหมือนยางใหม่ทุกประการ
เกิดอุบัติเหตุเนื่องจากยางรถยนต์ เคลมประกันได้ไหม?
เคลมได้ ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุยางระเบิด ยางรั่ว ยางแตก ฯลฯ จนทำให้รถเสียหลักชนสิ่งกีดขวาง อย่างไรก็ตามยังมีเงื่อนไขบางอย่างที่คนใช้รถควรรู้ไว้ด้วยดังนี้
ประกันรถยนต์ชั้น 1
- คุ้มครองความเสียหายของรถตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด
- เคลมได้ทั้งค่าซ่อมรถ หรือกรณีชนทรัพย์สินของผู้อื่น แต่คุณอาจต้องรับผิดชอบในค่าเสียหายบางส่วน เช่น ค่าลดหย่อน
มีหลักฐานว่าการเสียหายเกิดจากเหตุการณ์เฉียบพลัน
- เช่น ยางระเบิดกลางทาง รถเสียหลักชนต้นไม้ เป็นต้น
ในกรณีที่ยางเสื่อมสภาพโดยไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น แบบนี้จะไม่สามารถเคลมได้ เช่น ยางเก่า เก็บ 10 ปี ยางสึก ไม่เกาะถนน ลื่นในโค้งแล้วชน แบบนี้บริษัทประกันอาจมองว่าเป็นความประมาท หากต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุม แนะนำให้เปรียบเทียบประกันรถยนต์ให้ดีก่อนซื้อ รวมถึงสอบความรายละเอียดความคุ้มครองอย่างถี่ถ้วน เพื่อความอุ่นใจ สบายใจตลอดการเดินทาง
พร้อมที่จะเปรียบเทียบประกันรถยนต์หรือยัง?
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ
ตอบคำถาม! ยางใหม่ปีเก่าใช้ได้ไหม?
ใช้ได้ หากมีการเก็บรักษายางในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ไม่ถูกเก็บไว้ในที่ที่จะทำให้สภาพยางเสื่อมสภาพได้ โดยพิจารณาตามปัจจัยต่าง ๆ ก่อนจะตัดสินใจเลือกใช้ยางใหม่ปีเก่าได้ดังต่อไปนี้
1. อายุของยางมีผลต่อความปลอดภัย
ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำว่ายางใหม่ปีเก่า ควรมีอายุไม่เกิน 3 ปี (นับจากวันที่ผลิต) หากเกินกว่านี้เนื้อยางอาจเริ่มแข็งตัวหรือเสื่อมสภาพ เสี่ยงเกิดเหตุการณ์รถยางแตก ยางระเบิดได้ง่าย แม้ว่าจะยังไม่ถูกใช้งานหรือผ่านการติดตั้งก็ตาม
2. หากเก็บรักษาดี ยังคงใช้งานได้
บริษัทผู้ผลิตยางหลายแบรนด์ให้ข้อมูลตรงกันว่า หากอยากถูกเก็บรักษาอย่างเหมาะสม เช่น อยู่ในอุณหภูมิคงที่ ไม่สัมผัสกับแสงแดดหรือแหล่งความร้อน รวมถึงไม่มีความชื้นสูง คุณภาพของยางยังคงดีอยู่ และสามารถใช้งานได้ ‘ใกล้เคียง’ กับยางใหม่ที่เพิ่งผลิต
ข้อดีของการเลือกใช้ “ยางใหม่ ปีเก่า”
1. ราคาถูกกว่ายางล็อตใหม่
ร้านยางหลายแห่งมักจัดโปรโมชั่น “ยางปีเก่า” ในราคาพิเศษ บางรุ่นอาจลดลงถึง 20–70% จากราคาปกติ ถือเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ที่ต้องการยางคุณภาพดีแต่ประหยัดงบ
2. คุณภาพยังคงเดิม
หากยางถูกเก็บในที่ร่มและไม่โดนความร้อนจัด เนื้อยางและโครงสร้างยังคงสมบูรณ์ เพราะ “ยางจะเริ่มเสื่อมสภาพเมื่อถูกใช้งานจริง” ไม่ใช่แค่จากวันผลิต
3. ได้ยางคุณภาพสูงในงบจำกัด
หลายครั้งยางปีเก่าจะเป็นรุ่นระดับพรีเมียมที่ลดราคา เช่น Michelin, Bridgestone, Yokohama, Continental ทำให้ผู้ใช้สามารถอัปเกรดยางดีขึ้นในงบเท่ากับยางเกรดกลาง
สิ่งที่ควรตรวจสอบแล้วข้อควรระวังก่อนซื้อยางใหม่ ปีเก่า
1. อ่านรหัส DOT (สัปดาห์/ปีผลิต)
นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด มองหาตัวเลข 4 หลักสุดท้ายในรหัส DOT ที่แก้มยาง
ตัวอย่าง: 2424
24 (สองตัวแรก) = สัปดาห์ที่ผลิต (สัปดาห์ที่ 24 ของปี)
24 (สองตัวหลัง) = ปีที่ผลิต (ปี 2024)
อ่านเพิ่มเติม: วิธีดูสัปดาห์ ปีผลิตยาง (DOT Code) เพื่อเช็กว่ายางที่คุณกำลังซื้อนั้นผลิตเมื่อไหร่
2. หากไปดูยางตามร้านยางทั่วไป แนะนำให้ตรวจสอบสภาพภายนอก
แนะนำให้เช็กสภาพยาง ที่ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เนื้อยางต้องยังดูใหม่ ไม่แข็งกระด้าง
- ต้องไม่มีรอยแตก: โดยเฉพาะรอยแตกลายงา (Ozone cracks) บริเวณแก้มยางหรือร่องดอกยาง
- ต้องไม่มีรอยบวม: การบวมปูดที่แก้มยางหรือหน้ายางเด็ดขาด
- ต้องไม่มีรอยแผล: หรือร่องรอยความเสียหายใดๆ
3. เลือกซื้อจากร้านที่มีมาตรฐาน
เนื่องจากร้านยางเหล่านี้จะมีการเก็บยางทีถูกต้อง เช่น เก็บในโกดังที่มีอุณหภูมิควบคุม หรือ แหล่งที่น่าเชื่อถือ
4. ตรวจสอบการรับประกันจากผู้ผลิตหรือร้านค้า
เนื่องจากยางรถยนต์ทั่วไป จะมีการประกันยางจากโรงงานผู้ผลิต โดยการรับประกันจะนับตั้งแต่ยางเริ่มใช้งาน หากยางยังไม่ได้ใช้งาน ก็จะยังไม่เริ่มนับอายุยาง จึงควรตรวจสอบว่ายางยี่ห้อและรุ่นนั้นๆ ยังอยู่ในเงื่อนไขรับประกันหรือไม่ นอกจากนี้ ร้านยางอาจมีการรับประกันยางจากการใช้งานเพิ่มเข้ามาอีกด้วย
ดูรายละเอียดล่าสุดได้ที่: การรับประกันยางแต่ละยี่ห้อ (อัปเดตล่าสุด)
5. ข้อควรระวัง
ยางที่ค้างปีนานกว่า 3 ปี, อายุยางรถยนต์ 5 ปี หรือยางเก่า เก็บ 10 ปี อาจเสื่อมสภาพเร็ว หรือแข็งตัว
หากใช้ความเร็วสูงหรือขับทางไกลบ่อย ควรใช้ยางใหม่ปีล่าสุด
ยางรถยนต์ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่?
ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้รถของแต่ละบุคคล เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินคำแนะนำผ่านหูมาบ่อย ๆ ว่าควรเปลี่ยนยางรถยนต์ตามอายุการใช้งาน ซึ่งก็คือเปลี่ยนยางทุก 3-5 ปี หรือเปลี่ยนยางรถยนต์ทุก 30,000-40,000 กิโลเมตร แต่หลักการนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อยางไม่ได้ถูกใช้งานหนักเกินไป เช่น ขับบนถนนที่สภาพดีอยู่ตลอด ขับขี่ในระยะทางไม่ไกลมาก เป็นต้น
หลักการพิจารณาว่าควรเปลี่ยนยางเมื่อ ไหร่ ให้ดูจากพฤติกรรมเป็นราย ๆ ไป เช่น สำหรับบางคนที่เพิ่งเปลี่ยนยางมาหมาด ๆ แต่ขับสมบุกสมบัน การจะรอเปลี่ยนยางเมื่อครบ 3 ปี อาจเป็นระยะที่ช้าเกินไป หรือบางคนเปลี่ยนยางมาได้ 3 ปีแล้ว แต่ขับใกล้ ๆ หน้ายางยังไม่ทันสึก หรือรถไม่ค่อยได้ขับ จะให้เปลี่ยนยางเส้นใหม่ก็อาจเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช้เหตุ ดังนั้นจึงควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ จะดีที่สุด เช่น อายุการใช้งาน ความลึกของดอกยาง และสภาพยางรถยนต์
ยางใหม่ ปีเก่า เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่ต้องการยางคุณภาพดีในราคาคุ้มค่า
- ผู้ใช้รถที่ไม่ได้ขับระยะทางไกลมาก
- ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนยางทั้งชุดในงบจำกัด
ยางรถยนต์ใหม่ ปีเก่า ไม่ใช่ยางหมดอายุ แต่เป็นยางใหม่ที่ผลิตก่อนหน้าเท่านั้น หากตรวจสอบสภาพและแหล่งจัดเก็บอย่างถูกต้อง คุณสามารถได้ยางคุณภาพดีในราคาสบายกระเป๋า และยังมั่นใจได้ในความปลอดภัยเช่นเดียวกับยางล็อตใหม่
ค้นหายางรถยนต์ราคาดีได้ที่เว็บยางออนไลน์ YellowTire.com



