เชื่อว่าหลายคนตอนคิดจะซื้อรถ คงเคยได้ยินกันมาบ้างกับคำว่า ดาวน์เยอะ ผ่อนน้อย การดาวน์รถคือ “เงินก้อนแรก” ในการซื้อรถ ยิ่งวางดาวน์มากเท่าไหร่ ยอดกู้ยิ่งน้อย ยิ่งทำให้คุณผ่อนต่อเดือนน้อยลง ผ่อนสบายมากขึ้นเท่านั้น และสำหรับคนที่ยังสับสนว่านิยามของคำนี้ดาวน์สูง นั้นจะช่วยลดภาระในแต่ละเดือนได้อย่างไร ? MrKumka ได้รวบรวมรายละเอียดต่าง ๆ พร้อมจะเล่าให้คุณฟังแล้ว !
ทำความเข้าใจ ดาวน์เยอะ ผ่อนน้อย
ก่อนตัดสินใจซื้อรถต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “เงินก้อนแรก” ที่ต้องจ่ายให้กับไฟแนนซ์ คือ เงินดาวน์ ยิ่งคุณวางเงินดาวน์มากเท่าไหร่ ก็จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้มากขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสำหรับการกู้ซื้อรถจะคิดแบบคงที่ (Flat Rate) พูดง่าย ๆ ว่า “คิดจากเงินกู้ก้อนแรกเสมอ” ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์มูลค่า 600,000 บาท วางเงินดาวน์ 200,000 บาท ต้องกู้เพิ่ม 400,000 บาท และถ้าหากไฟแนนซ์คิดดอกเบี้ย 5% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนรถ 5 ปี คุณจะต้องจ่าย 400,000x5/100 = 20,000 บาทต่อปี
แต่ถ้าเป็นกรณีที่คุณวางเงินดาวน์มากกว่า 200,000 บาท จะทำให้อัตราดอกเบี้ยถูกลงอย่างเห็นได้ชัด เช่น วางเงินดาวน์ 300,000 บาท อัตราดอกเบี้ยจะเท่ากับ 300,000x5/100 = 15,000 บาทต่อปี จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการวางเงินดาวน์สูงจึงลดความตึงเครียดในการผ่อนชำระในอนาคตของคนซื้อรถทุกคนได้เป็นอย่างดี
ดาวน์สูง กู้น้อยกว่ายิ่งช่วยให้ไฟแนนซ์ผ่านง่ายขึ้น
นอกจากการวางเงินดาวน์สูง จะช่วยให้ลดภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้แล้ว ยังช่วยให้การอนุมัติสินเชื่อเป็นไปอย่างราบรื่นด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายขึ้น กรณีที่คุณมีรายรับต่อเดือน 30,000 บาท เลือกซื้อรถแบบดาวน์ต่ำ ผ่อนนาน มีภาระที่ต้องจ่ายค่างวดทุกเดือน เดือนละ 25,000 เห็นได้ว่า ค่าผ่อนรถเกิน 60% ของรายได้ ธนาคารจะไม่ปล่อยกู้ให้คุณเด็ดขาด เพราะความสามารถในการผ่อนชำระค่างวดค่อนข้างต่ำ
แต่ในกรณีที่คุณเลือกดาวน์สูง เช่น ดาวน์ 20% ขึ้นไป (ส่วนใหญ่ดาวน์ที่ 25%) จะช่วยให้ภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนค่างวดลดน้อยลง ประกอบกับค่างวดในแต่ละเดือนอยู่ที่ 50% ของรายรับอีกด้วย ธนาคารจะมองว่าคุณมีความสามารถในการผ่อนชำระค่างวด และอนุมัติสินเชื่อให้คุณอย่างง่ายดาย
ทำไมซื้อรถถึงควรมีเงินดาวน์ ?
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า “เงินดาวน์คือเงินก้อนแรก ที่จะต้องถูกจ่ายก่อนซื้อรถยนต์” ซึ่งมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและโปรโมชั่นของค่ายรถยนต์ ไฟแนนซ์ หรือธนาคาร แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 25-40% ของราคารถ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เหลือจะถูกนำไปกู้กับธนาคาร ไฟแนนซ์ และอยู่ในรูปแบบของการผ่อนรถจ่ายเป็นงวด ๆ ตามตกลง รวมถึงคิดอัตราดอกเบี้ยตามระยะเวลาที่กู้
ยิ่งดาวน์สูง ดอกเบี้ยยิ่งต่ำ ภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็ลดลง จึงเป็นเหตุผลที่คุณควรพิจารณาในส่วนของ “เงินดาวน์” ตั้งแต่วินาทีแรกที่คิดจะซื้อรถ เพื่อให้คุณสามารถวางแผนการใช้เงินในอนาคตได้อย่างราบรื่น ไม่ติดขัด และไม่พบเจอปัญหา (โดนยึดรถ) ที่อาจจะตามมาในอนาคต
ขอสินเชื่อรถยนต์ ให้ผ่านฉลุย !! ต้องมี “3 ดี”
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังจะขอสินเชื่อรถยนต์ แต่ยังคงเป็นกังวล เกร็งว่าจะขอสินเชื่อไม่ผ่าน วันนี้ MrKumka ได้รวบรวมเคล็ดลับดี ๆ มาบอกต่อคุณแล้ว รับประกันว่าผ่านแน่ แค่เตรียมตัวก่อนจัดไฟแนนซ์ให้เป้ะ !
1. เตรียมเอกสารให้ ดี
การเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนเดินเข้าไปขอสินเชื่อ นับเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดก็ว่าได้ ซึ่งเอกสารที่จำเป็นต้องเตรียมมีดังนี้
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ใบสำคัญการสมรส (ถ้ามี)
- รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
- สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองการทำงาน
นอกจากนี้ทางไฟแนนซ์อาจขอเอกสารอื่น ๆ เพิ่มเติม แนะนำให้โทรเข้าไปสอบถามก่อน เพราะถ้าหากเอกสารของคุณไม่ครบถ้วน อาจทำให้การอนุมัติสินเชื่อเกิดความล่าเชื่อ หรือไม่ได้รับอนุมัติก็เป็นได้
2. มีเครดิต ดี
หากต้องการให้สินเชื่อรถยนต์ผ่านฉลุย คุณต้องมั่นใจก่อนว่าเครดิตของคุณและผู้ค้ำประกัน “ไม่ติดแบล็กลิสต์” ถ้ามีประวัติการผ่อนชำระสินเชื่อต่าง ๆ ดีมาตลอด ไม่ค้างจ่ายนานกว่า 90 วัน การอนุมัติสินเชื่อก็จะง่ายขึ้น แต่ในกรณีที่คุณติดแบล็กลิสต์ แนะนำให้เคลียร์หนี้สินต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อน และรอหลังจากนั้นเป็นเวลา 3 ปี ประวัติของคุณก็จะขาวสะอาด และมีโอกาสขอสินเชื่อรถยนต์ผ่านอีกด้วย
3. มีรายได้ ดี
ชี้แจงก่อนว่ารายได้ดีในที่นี้หมายความว่า “มีรายได้เข้ามาในบัญชีเป็นประจำทุกเดือน” เมื่อหักลบกับค่างวดรถและหนี้สินต่าง ๆ เช่น ค่าผ่อนบ้าน, ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ แล้วยังเพียงพอต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ก็จะช่วยให้การอนุมัติสินเชื่อกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของไฟแนนซ์อีกครั้ง
เห็นแล้วใช่ไหมล่ะ ? ว่าการขอสินเชื่อรถยนต์ในปัจจุบัน ไม่ได้มีขั้นตอนที่ยุ่งยากหรือก่อให้เกิดความซับซ้อนแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่คุณจะต้องวางแผนการเงินของคุณให้ดี โดยเฉพาะคนที่ติดแบล็กลิสต์ จำเป็นจะต้องสะสางหนี้เก่าให้เรียบร้อยซะก่อน เพียงเท่านี้สามารถมีรถเป็นของตัวเองได้แล้ว !
" ในปัจจุบันมีสถาบันการเงินที่เปิดให้บริการ “สินเชื่อรถยนต์” มากมาย "
หากคุณกำลังสับสนและไม่รู้ว่าควรจะเลือกขอสินเชื่อกับที่ไหนดี ที่ให้วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ เพียงแวะเข้ามาที่เว็บไซต์ MrKumka เพื่อเปรียบเทียบวงเงิน อัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และอื่น ๆ จากสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือได้ตลอด 24 ชั่วโมง คุณก็จะได้รับสินเชื่อรถที่ตอบโจทย์ความต้องการแล้วล่ะ