อยาก รีไฟแนนซ์รถยนต์ ไม่มีสลิปเงินเดือน เป็น Freelance ต้องทำอย่างไร ?

ฟรีแลนช์ รีไฟแนนซ์รถยนต์ ไม่มีสลิปเงินเดือน ได้หรือไม่ ?

ในยุคที่หลายคนหันมาประกอบอาชีพอิสระหรือฟรีแลนช์มากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีความสะดวก และให้อิสระในการทำงานได้ค่อนข้างมาก แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วย “รายได้ที่ไม่มั่นคง” หรือทำให้ไม่มีสลิปเงินเดือน เอกสารสำคัญในการประกอบธุรกรรมทางการเงินด้านต่าง ๆ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่น่ากังวล ! เพราะฟรีแลนช์สามารถนำ “เอกสารอื่น” มาลองยืนยันกับสถาบันการเงิน หรือบริษัทรีไฟแนนซ์ได้เช่นกัน

โดยเอกสารที่ว่าได้แก่ รายการเดินบัญชีเงินฝากย้อนหลัง ใบรับรองการหักภาษี หรืออื่น ๆ ที่เป็นเอกสารที่ต้องชำระอยู่เป็นประจำ เพื่อนำมาใช้เป็นตัวช่วยในการ “สร้างความมั่นใจ” ให้กับสถาบันการเงินหรือบริษัทไฟแนนซ์นั่นเอง

เป็นฟรีแลนช์ จะรีไฟแนนซ์ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ?

ต้องทำความเข้าใจคำว่า “รีไฟแนนซ์” ให้ดีก่อนว่า เป็นการ “ย้ายสัญญาสินเชื่อผ่อนรถยนต์” จากสถาบันการเงินเดิมไปยังสถาบันการเงินใหม่ หรือจะเลือกรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินเดิมก็ได้ พูดง่าย ๆ ว่าเป็นการ “นำรถที่ผ่อนอยู่ไปขอสินเชื่อ (กู้เงิน) อีกครั้ง ด้วยการปิดหนี้เก่าและเริ่มหนี้ใหม่” โดยจะเลือกรีไฟแนนซ์กับที่ไหนขึ้นอยู่กับว่าคุณพึงพอใจเงื่อนไขต่าง ๆ หรือไม่ ทั้งนี้จุดมุ่งหมายของการรีไฟแนนซ์ก็คือ “ปรับโครงสร้างหนี้” แถมยังมีบทบาทในการ “ลดดอกเบี้ย และค่างวดรถในแต่ละเดือน” ได้เป็นอย่าง

ในปัจจุบันสามารถเลือกได้ 2 รูปแบบหลัก ๆ คือ รีไฟแนนซ์แบบไม่โอนเล่นทะเบียน (จำนำเล่มทะเบียน) และรีไฟแนนซ์แบบโอนเล่มทะเบียน (เช่าซื้อ) กรณีที่คุณเป็น “ฟรีแลนช์” และต้องการรีไฟแนนช์ สามารถทำได้ และเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ก็เหมือนกับการยื่นขอสินเชื่อรถยนต์เลยล่ะ !

เอกสารที่ฟรีแลนช์ต้องใช้ในการรีไฟแนนซ์

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา และให้เอกสารของคุณครบถ้วน พร้อมยื่นให้กับสถาบันการเงินหรือบริษัทสินเชื่อ คุณควรเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ดังนี้

• สำเนาบัตรประชาชน
• สำเนาทะเบียนบ้าน
• สำเนาทะเบียนรถยนต์ (ฉบับจริง)
• สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร เพื่อแสดงเป็นหลักฐานการเดินบัญชีย้อนหลัง
• หลักฐานแสดงที่มาของรายได้ เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบเสนอราคา ทวิ 50 หรือหนังสือหักภาษี ณ ที่จ่าย

สิ่งสำคัญของการยื่นรีไฟแนนซ์ของชาวฟรีแลนซ์​ คือ การจัดระเบียบการเงินของตัวเอง ให้มีการเดินรายการบัญชีอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงควรมีเงินติดบัญชีเอาไว้บางส่วน เนื่องจากการทำแบบนี้จะช่วย “สร้างความน่าเชื่อถือ” และบ่งบอกได้พอสมควรว่าคุณก็มีวินัยทางการเงิน เพียงเท่านี้โอกาสที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อก็มีสูงมากขึ้นแล้วล่ะ !

Tips: อาจมีเอกสารที่ทางสถาบันการเงิน หรือบริษัทสินเชื่อต้องการขอเพิ่มเติม แนะนำให้ติดต่อสอบถามให้เรียบร้อย ก่อนเดินทางไปยื่นรีไฟแนนซ์ทุกครั้ง

บอกเทคนิครีไฟแนนซ์ ที่ฟรีแลนซ์ทุกคนควรรู้

เชื่อว่าฟรีแลนช์หลาย ๆ คนอาจยังไม่เคยรู้​ “เทคนิคขอรีไฟแนนช์” ที่เรากำลังจะบอกต่ออย่างแน่นอน ซึ่งก็คือ “การผ่อนชำระบัตรเครดิต” หรือหนี้อื่น ๆ อย่างตรงเวลา สม่ำเสมอ และมีวินัย ก็จะช่วยความน่าเชื่อถือของคุณเพิ่มขึ้นอีกระดับ แต่ข้อควรระวังคือ “ไม่ควรมีหนี้เกิน 20% ของรายได้” เพื่อให้สถาบันทางการเงินหรือบริษัทรีไฟแนนซ์ เล็งเห็นถึง “ความสามารถในการชำระหนี้” ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ข้อดีของการตัดสินใจรีไฟแนนซ์รถยนต์

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าการรีไฟแนนซ์รถยนต์ มีข้อดีมากกว่าที่คิด ซึ่งถ้าหากคุณกำลังหาคำตอบในส่วนนี้อยู่ล่ะก็ เราขออธิบายให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ด้วยข้อดีหลัก ๆ ทั้งหมด 4 ข้อ ดังนี้

• 1. ช่วยยืดระยะเวลาผ่อนจ่ายได้นานกว่าเดิม แต่แลกมาด้วยค่างวดต่อเดือนที่ลดลง
• 2. ได้รับอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ ช่วยให้คุณไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมากเกินไป
• 3. ได้รับเงินก้อนจากส่วนต่าง ซึ่งสามารถนำไปหมุนเวียนเพื่อใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ หรือหมุนเวียนเพื่อทำธุรกิจได้อย่างอิสระ (ขึ้นอยู่กับวงเงินสินเชื่อคงค้าง มูลค่ารถยนต์ และเงื่อนไขของแต่ละสถาบัน)
• 4. ช่วยลดความเสี่ยงในการโดนยึดรถ ด้วยการปรับการผ่อนชำระค่างวดให้เหมาะสมกับสถาบันการเงินในปัจจุบัน

แต่เพื่อให้การรีไฟแนนซ์เกิดประสิทธิภาพสูงสุด คุณจะต้องตรวจดูให้แน่ใจก่อนว่า “การรีไฟแนนซ์ในครั้งนี้ ได้คุ้มเสียหรือไม่” โดยเฉพาะการทำความเข้าใจในส่วนของ “เงื่อนไข” ของสถาบันการเงินหรือบริษัทสินเชื่อเจ้าใหม่ที่คุณกำลังเล็งเอาไว้ พร้อมกับทำการประเมินราคารถ คำนวณดอกเบี้ยคร่าว ๆ ดูว่า หากนำดอกเบี้ยคงเหลือจากสินเชื่อเดิม มาหักค่าส่วนต่างกับดอกเบี้ยที่กำลังจะเกิดขึ้น จะก่อให้เกิดความคุ้มค่า และช่วยลดภาระในแต่ละเดือนได้จริงหรือไม่ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับการขาดสภาพคล่องในอนาคต