เมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน สิ่งที่ตามมาไม่เพียงแต่ความเสียหายต่อรถยนต์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลกระทบทางกายภาพ จิตใจ และเวลาอีกด้วย หลายคนไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง เรียกค่าสินไหมจากคู่กรณีอย่างไร หรือจะสามารถเรียกค่าสินไหมจาก พ.ร.บ. รถยนต์ หรือประกันใดได้บ้าง มิสเตอร์ คุ้มค่า จะช่วยให้คุณเข้าใจขั้นตอนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากประกัน รวมถึงแนวทางใช้สิทธิตามกฎหมาย ค่าทำขวัญและการฟ้องร้องค่าเสียเวลา เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวคุณเองอย่างเต็มที่
เรียกค่าสินไหมจากประกันคู่กรณี ต้องเริ่มต้นอย่างไร?
เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์และคุณเป็นฝ่ายถูก การเรียกค่าสินไหมจากประกันคู่กรณีคือหนึ่งในวิธีที่ช่วยชดเชยความเสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หลายคนกลับไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นยังไง ต้องเตรียมเอกสารอะไร หรือมีขั้นตอนแบบไหน มิสเตอร์ คุ้มค่า จะพาคุณไปรู้จักวิธีดำเนินการอย่างถูกต้องและไม่เสียสิทธิ์
- แจ้งตำรวจและลงบันทึกประจำวัน: เอกสารนี้เป็นหลักฐานสำคัญว่า ‘คุณไม่ใช่ฝ่ายผิด’ และจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการเรียกค่าสินไหมจากคู่กรณี หรือใช้ในการยื่นต่อบริษัทประกัน
- ถ่ายภาพและรวบรวมหลักฐาน: ทั้งภาพถ่ายความเสียหาย จุดเกิดเหตุ บัตรประชาชน ใบขับขี่ของคู่กรณี รวมถึงข้อมูลกรมธรรม์ประกันภัย
- ติดต่อบริษัทประกันของคู่กรณีและของคุณ: ถ้าคู่กรณีมีประกันประเภทสมัครใจ คุณสามารถดำเนินการเรียกค่าสินไหมจากประกันคู่กรณีได้โดยตรง ผ่านบริษัทประกันของเขา
หากคุณยังไม่แน่ใจว่าประกันของคุณสามารถให้ความคุ้มครองได้ครอบคลุมแค่ไหน แนะนำให้ลองเปรียบเทียบประกันรถยนต์หลายเจ้า เพื่อดูว่ารายไหนตอบโจทย์ในแง่ของการบริการ เคลมง่าย และรับผิดชอบค่าเสียหาย (เรียกค่าสินไหมจากประกันคู่กรณี) ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้คุณไม่เสียเปรียบในอนาคต
เรียกค่าสินไหมจาก พ.ร.บ. รถยนต์ ได้หรือไม่?
หลายคนสงสัยว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุ สามารถเรียกค่าสินไหมจาก พ.ร.บ. รถยนต์ได้หรือไม่? โดยเฉพาะในกรณีที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ถูกผิดได้ทันที พ.ร.บ. รถยนต์ หรือประกันภัยภาคบังคับ มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้บาดเจ็บ ซึ่งในหัวข้อนี้จะพาไปดูว่าความคุ้มครองมีอะไรบ้าง
พ.ร.บ. รถยนต์ คุ้มครองอะไรบ้าง?
- ค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 30,000-80,000 บาท (ขึ้นอยู่กับความรุนแรง)
- ค่าชดเชยกรณีทุพพลภาพหรือเสียชีวิต
- ค่าปลงศพ (ถ้ามี)
สรุปง่าย ๆ ว่าหากคุณได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ สามารถเรียกค่าสินไหมจาก พ.ร.บ. รถยนต์ ของรถที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ได้ แม้ว่าจะยังไม่สามารถพิสูจน์ถูกผิดได้ชัดเจนก็ตาม
การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากประกัน ทำอย่างไร?
หลายครั้งที่เกิดอุบัติเหตุและหลายคนไม่แน่ใจ ว่าควรเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากประกันอย่างไรให้ถูกต้อง และได้รับความคุ้มครองครบถ้วน ซึ่งการดำเนินการที่ถูกต้องตั้งแต่ต้น จะช่วยให้คุณไม่เสียสิทธิและได้รับเงินชดเชยเร็วขึ้น หัวข้อนี้จะพาไปรู้จักขั้นตอน และสิ่งที่ต้องเตรียมเพื่อเรียกร้องอย่างมีประสิทธิภาพ
- ผ่านประกันของคุณ (กรณีมีประกันสมัครใจ): ถ้าคุณมีประกันประเภท 1 หรือ 2+ บริษัทประกันของคุณจะรับผิดชอบการเคลม และอาจเรียกคืนจากคู่กรณีเอง
- ผ่านประกันของคู่กรณี: หากคุณเป็นฝ่ายถูกและคู่กรณีมีประกัน บริษัทของคู่กรณีจะต้องรับผิดชอบความเสียหายให้กับคุณ คุณสามารถยื่นเอกสารเพื่อเรียกค่าสินไหมจากประกันคู่กรณีโดยตรงได้
เอกสารที่ควรเตรียม
- สำเนาใบขับขี่ และบัตรประชาชน
- ใบเคลม/รายงานตำรวจ
- ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล
- ภาพถ่ายความเสียหาย
- ใบเสนอราคาซ่อม
ในกรณีที่คุณยังไม่มีประกันหรืออยู่ในช่วงที่กำลังจะต่อประกันใหม่ และยังอยากได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุม โดยเฉพาะการรับผิดชอบการเคลมอย่างเต็มที่ (เรียกคืนจากคู่กรณีเอง) แต่ได้จ่ายค่าเบี้ยที่ถูกลงด้วยการเปลี่ยนจากชั้น 1 เป็นชั้น 2+ แนะนำให้หาข้อมูลก่อนว่าประกัน 2+ ต่างกับชั้น 1 อย่างไร ตอบโจทย์ความคุ้มครองที่ต้องการหรือไม่ เพื่อให้คุณอุ่นใจได้ตลอดอายุกรมธรรม์
ตามกฎหมายคุณมีสิทธิ์เรียก ‘ค่าทำขวัญ’ ไหม?
ทำความเข้าใจก่อนว่า ‘ค่าทำขวัญ’ คือ ค่าชดเชยในเชิงจิตใจ สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ แม้จะไม่มีค่าเสียหายทางร่างกายรุนแรงมากนักก็ตาม โดยมีตัวอย่างสถานการณ์ ดังนี้
- บาดเจ็บเล็กน้อยแต่กระทบจิตใจ
- เกิดความเครียด วิตกกังวล
- เด็กหรือผู้หญิงมีอาการกลัวหรือหวาดผวา
ผู้เป็นที่ฝ่ายถูกสามารถเรียกร้องค่าทำขวัญได้ตามความสมควร และผู้ที่เป็นฝ่ายผิดสามารถเลือกได้ว่าจะจ่ายหรือไม่ เพราะตามหลักกฎหมาย ค่าทำขวัญไม่มีการกำหนดไว้ว่าผู้ที่เป็นฝ่ายผิดจะต้องจ่าย เพียงแต่เพื่อแลกเปลี่ยนกับการไม่เรียกค่าสินไหมจากประกันคู่กรณี หรือเพื่อแลกเปลี่ยนไม่ติดใจเอาความใด ๆ
และถ้าหากคุณสงสัยว่าสามารถฟ้องร้องค่าเสียเวลาได้หรือไม่? ถ้าคุณต้องลางานไปโรงพยาบาล, ต้องเดินเอกสาร, รอซ่อมรถ หรือพลาดรายได้จากการทำงาน สามารถฟ้องร้องได้ โดยต้องมีหลักฐาน เช่น ใบลางาน หนังสือรับรองรายได้ หรือข้อมูลที่แสดงว่าคุณเสียโอกาสทางรายได้จริง ๆ และควรศึกษาประเด็นค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถให้ดีด้วย เพื่อให้คุณไม่พลาดสิทธิ์แบบไม่รู้ตัว
เจรจาเรียกค่าสินไหมจากคู่กรณีอย่างไรให้ได้เปรียบ?
การเจรจาเพื่อเรียกค่าสินไหมจากคู่กรณีอาจดูเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะเมื่อต้องรับมือกับคู่กรณีที่ไม่ให้ความร่วมมือ หรือพยายามหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ แต่ถ้าคุณมีเทคนิคที่ดี และเตรียมตัวให้พร้อม ก็สามารถพลิกสถานการณ์ให้เป็นต่อได้ ดังนี้
1. เตรียมหลักฐานให้พร้อมก่อนเจรจา
การมีหลักฐานที่แน่นหนาดังต่อไปนี้จะช่วยให้คุณถือไพ่เหนือกว่า
- รายงานตำรวจ
- รูปถ่ายจุดเกิดเหตุ เลขทะเบียนรถคู่กรณี และความเสียหาย
- ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล
- พยานแวดล้อม (ถ้ามี)
2. รู้สิทธิของตัวเองตามกฎหมาย
แนะนำให้ศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยให้คุณไม่โดนกดราคา หรือโดนปฏิเสธแบบไม่มีเหตุผล ดังนี้
- สิทธิเรียกค่าสินไหมจาก พ.ร.บ. รถยนต์
- สิทธิเรียกค่ารักษา ค่าเสียเวลา และค่าทำขวัญ
- กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องค่าเสียเวลา
3. เริ่มต้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่หนักแน่น
การเปิดเจรจาอย่างเป็นมิตรจะช่วยลดการปะทะได้ แต่ควรพูดให้ชัดเจนว่าคุณต้องการให้เรื่องจบอย่างเป็นธรรม และคุณพร้อมใช้สิทธิตามกฎหมายหากจำเป็น
4. ตั้งเป้าหมายชัดเจนก่อนคุย
- คุณต้องการค่าชดเชยอะไรบ้าง เช่น ค่าซ่อม ค่ารักษา ค่าขาดรายได้ ฯลฯ
- จำนวนเงินขั้นต่ำที่คุณยอมรับได้
- ค่าเสียหายที่ไม่สามารถลดได้เด็ดขาด
5. ใช้ ‘เวลา’ กดดันอีกฝ่ายอย่างมีชั้นเชิง
ด้วยการบอกอีกฝ่ายว่าหากตกลงกันไม่ได้ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม คุณอาจจำเป็นต้องดำเนินการฟ้องร้อง ซึ่งจะเพิ่มค่าใช้จ่ายและระยะเวลาของเขา เช่น “หากยังตกลงกันไม่ได้ภายใน 7 วัน ฉันคงต้องดำเนินการกฎหมาย ซึ่งอาจไม่ดีต่อทั้งสองฝ่าย” เป็นต้น
6. พูดถึงผลกระทบต่อชีวิตจริง
อธิบายว่าคุณได้รับผลกระทบอย่างไร จะทำให้ข้อเรียกร้องของคุณมีน้ำหนัก เช่น ต้องหยุดงาน, รู้สึกเครียด, ไปหาหมอหลายครั้ง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะช่วยสนับสนุนการเรียกค่าทำขวัญ หรือค่าเสียเวลาได้
7. หากเจรจาไม่สำเร็จ ให้ระบุว่าจะดำเนินคดีต่อ
หากอีกฝ่ายปฏิเสธหรือไม่ยอมเจรจาอย่างเป็นธรรม ให้แจ้งว่าคุณจะส่งหนังสือทวงถามเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้ายังเพิกเฉยจะยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายทั้งหมด ซึ่งการแสดงความตั้งใจจริงจะทำให้คู่กรณีรู้ว่าคุณไม่ยอมถอยง่าย ๆ
การประสบอุบัติเหตุไม่ใช่แค่เรื่องของความเสียหายที่มองเห็นได้เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับสิทธิและผลประโยชน์ที่คุณควรได้รับอย่างถูกต้องตามกฎหมาย การรู้ว่าเมื่อไหร่ควรเรียกค่าสินไหมจากคู่กรณี ใช้สิทธิเรียกค่าสินไหมจาก พ.ร.บ. รถยนต์อย่างไร จะช่วยให้คุณไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ นอกจากนี้การเข้าใจเรื่องกฎหมาย ค่าทำขวัญ และสิทธิในการฟ้องร้องค่าเสียเวลา ยังช่วยให้คุณเรียกร้องความเป็นธรรมได้ครบถ้วนอีกด้วย
คำจำกัดความ
รายงานตำรวจ | เอกสารที่เป็นทางการซึ่งจัดทำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อบันทึกเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทางอาญาหรืออุบัติเหตุ |
เป็นต่อ | ได้เปรียบ หรือมีข้อได้เปรียบ |
พยานแวดล้อม | พยานที่รู้เห็นก่อนหรือภายหลังเกิดเหตุการณ์ พยานหลักฐานที่ไม่ได้บ่งระบุถึงข้อเท็จจริงโดยตรง แต่สามารถอนุมานได้ด้วยเหตุผลหรือ สามัญสำนึกว่ามีข้อเท็จจริงหนึ่งข้อเท็จจริงใดเกิดขึ้น |