เช็กให้ชัวร์ พฤติกรรมแบบไหน ไม่ควรทําประกันชั้น 1 รถยนต์

แชร์ต่อ
พฤติกรรมการขับขี่แบบไหน ไม่ควรทำประกันชั้น 1? | มิสเตอร์ คุ้มค่า

หลายคนมองว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นการซื้อความคุ้มครองที่คุ้มค่า ให้ความคุ้มครองตอบโจทย์ แต่จริง ๆ พฤติกรรมการขับขี่ของบางคนก็อาจยังไม่เหมาะกับประกันประเภทนี้ ถ้าไม่อยากเสียเงินซื้อความคุ้มครองไปอย่างเปล่าประโยชน์ มาเช็กกันหน่อยว่าพฤติกรรมแบบไหนที่ไม่ควรทําประกันชั้น 1 รถยนต์ เพราะบริษัทประกันมีสิทธิปฏิเสธความคุ้มครอง หรือยกเลิกแผนประกันในอนาคตได้ ถ้าพร้อมแล้วตาม มิสเตอร์ คุ้มค่า ไปเช็กลิสต์พฤติกรรมการขับขี่และรายละเอียดอื่น ๆ กันเลย

เหตุผลที่หลายคนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทําประกันรถยนต์ชั้น 1 มีอะไรบ้าง?

ก่อนไปเจาะลึกพฤติกรรมที่ไม่ควรทําประกันชั้น 1 รถยนต์ เรามาเรื่องที่หลายคนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับประกันชั้นนี้กันหน่อยดีกว่า เพื่อลดความสับสนและเพิ่มความเข้าใจที่มากขึ้น จะมีอะไรบ้างตามไปดูกัน

  • 1. ทำได้เฉพาะรถใหม่ป้ายแดง

    ในความเป็นจริงแล้วต่อให้ไม่ใช่รถใหม่ป้ายแดงก็สามารถทำประกันภัยชั้น 1 ได้ แต่อายุของรถจะต้องไม่เกินเกณฑ์ที่บริษัทกำหนดเอาไว้ ทั้งนี้ประกันชั้น 1 ไม่ได้เหมาะสมกับผู้ขับขี่ทุกคน เนื่องจากต้องคำนึงถึงพฤติกรรมการขับรถร่วมด้วยนั่นเอง

  • 2. ให้ความคุ้มครองทุกกรณี

    อย่างที่ทราบกันดีว่าประกันชั้น 1 ให้ความคุ้มครองค่อนข้างครอบคลุม แต่ไม่ด้หมายความว่าจะครอบคลุมทั้งหมด หากคุณมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม บริษัทประกันก็จะไม่ให้ความคุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

  • 3. คุ้มครองยางรถยนต์ และของเหลวในเครื่องยนต์

    ยางรถยนต์และของเหลวในเครื่องยนต์ มีระยะเวลาเสื่อมสภาพอยู่แล้ว หากได้รับความเสียหายที่นอกเหนือจากอุบัติเหตุ เช่น ยางระเบิด ยางสึกหรอ ฯลฯ บริษัทประกันจะไม่ให้ความคุ้มครองใด ๆ แต่ถ้าเกิดจากอุบัติเหตุบริษัทจะรับผิดชอบ ด้วยการชดเชยค่าเสียหายตามข้อกำหนดของ คปภ.

พฤติกรรมการขับขี่แบบไหน ไม่ควรทำประกันชั้น 1?

พฤติกรรมการขับขี่แบบไหน ไม่ควรทำประกันชั้น 1? | มิสเตอร์ คุ้มค่า

จากหัวข้อที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า “พฤติกรรมการขับรถ” คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการได้รับความคุ้มครองเมื่อทำประกันรถยนต์ชั้น 1 แต่พฤติกรรมแบบไหนกันล่ะ? ที่ประกันชั้นนี้มีสิทธิปฏิเสธความคุ้มครอง ตามไปทำความเข้าใจกันเลย

  • ขับรถเร็วเกินกำหนด

    พฤติกรรมการขับรถเร็ว ถือเป็นพฤติกรรมการขับขี่ที่มีสิทธิ์ถูกปฏิเสธความคุ้มครองมากที่สุด หากตรวจสอบและพบว่ามีการขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือหากเกิดอุบัติเหตุจากการเร่งความเร็วบนท้องถนน หมายความว่าผู้เอาประกันจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด แม้ว่าจะทำประกันชั้น 1 รถยนต์ก็ตาม

  • ชอบเมาแล้วขับ

    หากคุณเป็นสายแฮงค์เอาท์ เพื่อนเยอะ สังคมแยะ มีเหตุให้ต้องออกไปสังสรรค์อยู่บ่อย ๆ พฤติกรรมการขับขี่แบบ “เมาแล้วขับ” เช่นนี้ ก็มีความเสี่ยงที่บริษัทประกันจะไม่คุ้มครองได้ นอกจากนี้ยังถือเป็นความผิดทางอาญาอีกด้วย

    ซึ่งประเทศไทยมีคดีเมาแล้วขับเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นวันที่ 4 ของ 10 วันอันตราย ช่วงควบคุมอุบัติเหตุเข้มข้น (ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 - 5 มกราคม 2568) พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยข้อมูลคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติว่า “มีคดีเข้าสู่กระบวนการคุมความประพฤติ 2,032 คดี เป็นคดีขับรถขณะเมาสุราจำนวน 1,997 คดี และคดีขับเสพจำนวน 35 คดี”

    และ “ยอดรวมสะสมรวม 4 วัน (27-30 ธันวาคม 2567) มีคดีเข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติจำนวน 3,795 คดี แบ่งเป็นขับรถขณะเมาสุรา 3,661 คดี (96.47%), ขับเสพ 130 คดี (3.43%), ขับรถประมาท 4 คดี (0.10%)” (ที่มา : กรมคุมประพฤติเผย สถิติ 10 วันอันตราย)

  • บรรทุกเกินพิกัด

    อีกหนึ่งพฤติกรรมที่อาจทำให้ถูกปฏิเสธความคุ้มครองได้ง่าย คือ การนำรถยนต์ไปบรรทุกของหนักเกินที่กำหนดไว้ เนื่องจากการบรรทุกของหนักเกินไป อาจสร้างแรงกดให้กับช่วงล่าง เบรก และยางของรถยนต์ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

    และเมื่อประสบอุบัติเหตุในขณะที่บรรทุกของหนักเกินพิกัด บริษัทอาจปฏิเสธการจ่ายเงินสำหรับความสูญเสียหรือการบาดเจ็บ โดยอ้างว่าอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดจากความประมาทเลินเล่อ และไม่เคารพกฎหมายที่กำหนดไว้

นอกจากพฤติกรรมการขับรถดังกล่าวแล้ว บางบริษัทอาจมี ‘ข้อยกเว้น’ อื่น ๆ ที่ควรทำความเข้าใจให้ดีก่อนทำประกัน เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ และเหมาะสมกับพฤติกรรมการขับขี่ของตัวเอง ถ้าจะให้ดีแนะนำให้เปรียบเทียบประกันรถยนต์ก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง เพื่อให้การเดินทางของคุณราบรื่น และอุ่นใจจนถึงจุดหมายปลายทาง

นอกจากพฤติกรรมการขับรถที่ไม่ดี ‘โรคห้ามขับรถ’ ก็มีสิทธิ์ถูกปฏิเสธความคุ้มครองได้

หากคุณเป็นคนที่มีโรคประจำตัว แถมโรคดังกล่าวดันเป็น “โรคห้ามขับรถ” ที่กรมการขนส่งกำหนดเอาไว้ แม้ว่าคุณจะขับรถดีแค่ไหน บริษัทประกันก็มีสิทธิ์ไม่รับเคลม เนื่องจากเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ซึ่งจะมีโรคอะไรบ้างตามไปดูกัน

  1. โรคเกี่ยวกับสายตา
  2. โรคเบาหวาน (ระยะควบคุมไม่ได้)
  3. โรคพาร์กินสัน
  4. โรคความดันโลหิตสูง
  5. โรคข้อเข่าเสื่อม หรือข้ออักเสบ
  6. โรคหัวใจ
  7. โรคลมชัก
  8. โรคหลอดเลือดสมอง
  9. โรคทางสมองและระบบประสาท

และถึงแม้คุณจะอ้างว่าทานยาอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีทางที่อาการจะกำเริบขณะขับรถ แต่บริษัทประกันมองว่าการทานยาอาจทำให้เกิดอาการง่วงซึม อ่อนเพลีย ที่ไม่พร้อมต่อการขับขี่ ดังนั้นหากฝืนและเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา บริษัทก็จะไม่ให้ความคุ้มครองใด ๆ เลย

พฤติกรรมแบบไหน ที่ควรค่าแก่การทำประกันชั้น 1 บ้าง?

หลังจากทำความเข้าใจพฤติกรรมการขับรถที่ไม่ควรทำประกันชั้น 1 แล้ว เรามาดูพฤติกรรมที่ควรค่าแก่การทำประกันชั้นนี้กันบ้างดี จะต้องขับรถดีเพียงอย่างเดียวเลยมั้ย หรือมีพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ต้องรู้อีกบ้าง ตามไปดูกันเลย

  • 1. มือใหม่หัดขับรถ

    หากคุณเป็นคนที่เพิ่งขับรถมือใหม่ ขับรถไม่แข็ง ไม่ได้ขับรถดีหรือมีประสบการณ์มากมายนัก บอกเลยว่าควรค่าแก่การทำประกันชั้น 1 มาก ๆ เพราะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นการเฉี่ยวชนกับรถคันอื่น ๆ หรือเฉี่ยวชนกับสิ่งของ ขับรถชนหมา โดยการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จะเข้ามารับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด

  • 2. เดินทางบ่อย ใช้รถเยอะ

    หรือถ้าหากคุณเป็นคนที่ขับรถทางไกลบ่อย ๆ มีเหตุจำเป็นต้องใช้รถเยอะ เน้นเดินทางต่างจังหวัด การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ถือเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะประกันชั้นนี้ครอบคลุมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรถชนรถ รถชนสิ่งของ รถหาย น้ำท่วม ไฟไหม้ หรือรถเป็นรอยขูด เคลมประกันก็ได้หมด เรียกได้ว่าคุ้มครองครอบคลุมสุด ๆ เลยล่ะ

  • 3. ต้องการความอุ่นใจตลอดการเดินทาง

    และถ้าหากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กังวลในเรื่องค่าใช้จ่าย รวมถึงกำลังมองหาความอุ่นใจทุกครั้งที่เดินทาง ทำประกันชั้น 1 รถยนต์ก็ยังคงเป็นคำตอบที่ดีอยู่เช่นกัน เพราะคุณไม่ต้องกังวลกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดเลยสักนิด เพราะมีประกันคอยอยู่เคียงข้างเสมอ

ขอย้ำอีกครั้งว่าถ้าหากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุม ตอบโจทย์ คุ้มค่ากับค่าเบี้ยประกันที่จ่ายไป การทําประกันชั้น 1 รถยนต์นับเป็นคำตอบที่น่าสนใจ แต่ถ้าหากคุณมีพฤติกรรมการขับรถที่สุ่มเสี่ยง หรือมีโรคประจำตัวที่ห้ามขับรถโดยเด็ดขาด แนะนำว่าให้เลี่ยงจะดีกว่า เพราะมีสิทธิที่บริษัทประกันจะปฏิเสธความคุ้มครองสูงมาก ๆ นั่นเอง

คำจำกัดความ
แฮงค์เอาท์ ใช้เวลาว่างกับเพื่อนๆโดยไม่ได้มีเป้าหมายอะไรพิเศษ
สังสรรค์ พบปะสนทนากันด้วยความสนิทสนม
รอยขูด เป็นรอยที่เกิดขึ้นได้ทั้งจากการโดนขูดด้วยวัสดุที่มีความแข็งและคม อย่างเช่น โลหะ หรืออาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุต่างๆ

เปรียบเทียบราคา หรือ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

บทความที่น่าสนใจ

เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่