คนมีรถต้องรู้ ประกันรถ แผ่นดินไหว แผนไหนคุ้มครองบ้าง

ประกันชั้นไหน คุ้มครองกรณีแผ่นดินไหวบ้าง?

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแม้ภัยธรรมชาติจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่ถ้าหากเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่มักสร้างความเสียหายมหาศาล หากคุณกำลังหาคำตอบว่าภัยธรรมชาติ ประกันจ่ายไหม หรือประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนดี ที่ช่วยให้คุณอุ่นใจได้ตลอดกรมธรรม์ เราไปดูความคุ้มครองของแต่ละแผนประกันกันหน่อยดีกว่า เพื่อให้คุณได้รับคำตอบที่ตรงใจมากขึ้น

• ประกันชั้น 1

  • คุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด ทั้งในกรณีรถชนมีหรือไม่มีคู่กรณี สูญหาย ไฟไหม้ และภัยธรรมชาติ
  • ความคุ้มครองภัยธรรมชาติ มักรวมถึงน้ำท่วม ลูกเห็บ และแผ่นดินไหว (ขึ้นอยู่กับบริษัทประกันและเงื่อนไขของกรมธรรม์)
  • เหมาะสำหรับรถใหม่ หรือรถที่ยังมีมูลค่าสูง ที่ต้องการความคุ้มครองรอบด้าน
  *หมายเหตุ: ผู้เอาประกันควรสอบถามตัวแทน หรืออ่านกรมธรรม์อย่างละเอียดว่าความคุ้มครองภัยธรรมชาติ รวมถึง “แผ่นดินไหว” ด้วยหรือไม่

• ประกันชั้น 2 พลัส และ 3 พลัส

  • ให้ความคุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น
  • ไม่ครอบคลุมกรณีภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว ต้นไม้ล้มทับรถ เว้นแต่มีการซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมในบางบริษัท
  • เหมาะสำหรับรถที่มีอายุหลายปี แต่ยังต้องการความคุ้มครองในกรณีเฉี่ยวชน

• ประกันชั้น 2 และ 3

  • คุ้มครองเฉพาะความเสียหายของคู่กรณีและบุคคลภายนอกเท่านั้น
  • ไม่ครอบคลุมความเสียหายต่อรถของผู้เอาประกัน และไม่ครอบคลุมภัยธรรมชาติทุกประเภท
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าเบี้ย และรับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง

ไขข้อสงสัย แผ่นดินไหวทำให้รถพังได้ยังไง?

เหตุการณ์แผ่นดินไหวสามารถสร้างความเสียหายต่อรถยนต์ได้หลายรูปแบบ โดยเฉพาะรถที่จอดอยู่ตามบ้าน อาคาร หรือในโครงสร้างที่ไม่มั่นคง ซึ่งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นมีดังนี้

• พื้นถนนแยกหรือทรุด : พื้นผิวถนนอาจแตกร้าวหรือยุบตัว ส่งผลให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย
• น้ำท่วมอันเนื่องมาจากแผ่นดินไหว : บางครั้งเหตุการณ์แผ่นดินไหว อาจทำให้เขื่อนแตก ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันได้
• สิ่งของหล่นทับ : เช่น อาคาร ต้นไม้ เสาไฟฟ้า รวมถึงป้ายโฆษณาอาจพังถล่มลงมาทับรถยนต์
• แผ่นดินสไลด์ : ในพื้นที่ภูเขาหรือเนินสูง อาจเกิดเหตุการณ์ดินถล่มร่วมด้วย ทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย หรือบางพื้นที่อาจถึงขั้นรถยนต์ถูกฝังกลบ
• ชิ้นส่วนภายในรถเสียหาย : การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง อาจทำให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์อะไหล่รถยนต์ หรือชิ้นส่วนกลไกบางอย่างของรถเสียหายได้

รถเสียหายจากแผ่นดินไหว ทำยังไงดี?

สมาคมประกันวินาศภัยไทย ระบุว่า “ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศเมียนมา ขนาด 8.2 ความลึก 10 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 13.20 น. ทางสมาคมฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแนะนำให้ผู้เอาประกันภัยในเขตพื้นที่ประสบภัย ตรวจสอบกรมธรรม์ว่าคุ้มครองภัยจากแผ่นดินไหวหรือไม่ หากมีให้รีบแจ้งความเสียหายแก่บริษัทประกันทันที เพื่อประโยชน์ในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอย่างรวดเร็ว” (ที่มา : แผ่นดินไหว รถพังเสียหายสามารถเคลมประกันภัยรถชั้น 1 ชั้น 2 พลัส ชั้น 3 พลัส ได้

ทั้งนี้หากรถยนต์ของคุณได้รับความเสียหาย เช่น มีกำแพงหรือป้ายโฆษณาล้มทับ หรือมีเศษวัสดุหล่นใส่รถ ผู้เอาประกันสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ แต่ก่อนอื่นแนะนำให้ตรวจสอบเงื่อนไขประกันรถ แผ่นดินไหวให้ชัดเจน หากไม่แน่ใจให้สอบถามไปยังบริษัทประกันภัย หรือตัวแทนที่ดูแลกรมธรรม์โดยตรง

ประกันชั้น 1 ภัยธรรมชาติ ทำไมถึงตอบโจทย์มากกว่า?

เมื่อถึงคราวต้องซื้อความคุ้มครองหรือเปลี่ยนใหม่ หลายคนมักเกิดความสงสัยตามมาว่า ประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนดี ให้ความคุ้มครองตอบโจทย์ที่สุด แน่นอนว่าคำตอบในใจหลาย ๆ คน คือ “ประกันรถยนต์ชั้น 1” เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าประกันชั้นนี้ ครอบคลุมความเสียหายต่อรถยนต์จากเหตุการณ์ไม่คาดคิด รวมถึงภัยธรรมชาติบางประเภท เช่น ลูกเห็บ น้ำท่วม หรืออาคารถล่มจากแผ่นดินไหว (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละแผน)

นอกจากนี้ความคุ้มครองที่ได้รับอาจรวมถึงบริการรถทดแทน ค่าใช้จ่ายระหว่างซ่อม และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน แนะนำให้สอบถามบริษัทประกันให้ชัดเจน ว่าแผนที่เลือกให้ความคุ้มครองจากภัยธรรมชาติใดบ้าง นอกจากนี้ยังควรเลือกแผนที่มีบริการหลังการขาย เช่น รถยก รถสไลด์ฉุกเฉิน หรือรถใช้ระหว่างซ่อม เพื่อความสะดวกในยามเกิดเหตุ

และถ้าหากสงสัยว่ากรณีนี้ประกัน 2+ ต่างกับชั้น 1 อย่างไร คำตอบคือแม้ประกันชั้น 2+ จะระบุว่าครอบคลุมภัยธรรมชาติ แต่ส่วนมากจะครอบคลุมเฉพาะกรณีไฟไหม้ (ไฟป่า) และน้ำท่วมเท่านั้น ไม่ครอบครอบคลุมความเสียหายจากแผ่นดินไหวเหมือนกับประกันชั้น 1 นั่นเอง