แอปหาสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ที่คนใช้รถ EV ต้องมีติดมือถือไว้

แชร์ต่อ
แอปพลิเคชันค้นหาสถานีชาร์จรถไฟฟ้า

       สำหรับคนที่ใช้ “รถยนต์ไฟฟ้า” จำเป็นจะต้องมี app หาสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ติดมือถือเอาไว้ ! เพราะด้วยความที่รถยนต์ของคุณเป็นการทำงานด้วย “ระบบไฟฟ้า”​ ทั้งหมด คงจะดีไม่ใช่น้อยหากแอปพลิเคชันต่าง ๆ จะช่วยให้การค้นหาจุดชาร์จรถไฟฟ้า เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย แต่จะมีแอปใดบ้างที่ช่วยให้การเดินทางของคุณง่ายขึ้นเป็นกอง ไปติดตามพร้อม ๆ กับเราได้เลย !

 

5 แอป หาสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ที่คนขับรถยนต์ไฟฟ้าต้องโหลดติดไว้

 

หากคุณเป็นคนที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอยู่แล้ว หรือเป็นคนที่กำลังจะซื้อ แนะนำให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหาสถานีชาร์จรถไฟฟ้าติดมือถือเอาไว้ เพื่อให้การใช้รถใช้ถนนของคุณสะดวกสบาย และราบรื่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีแอปไหนบ้าง ไปดูกันเลย !

 

5 แอปหาสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ที่คนขับรถยนต์ไฟฟ้าต้องโหลดติดไว้

 

1. EV Station PluZ

EV Station Pluz เป็นแอปพลิเคชันสถานีชาร์จรถไฟฟ้าในเครือ ปตท. ตอบโจทย์ความต้องการของคนที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และรถปลั๊กอินไฮบริดแบบสุด ๆ เนื่องจากสามารถเช็กสถานะขณะชาร์จได้แบบเรียลไทม์ แถมยังสามารถเช็กความพร้อมของจุดชาร์จรถไฟฟ้าที่ต้องเข้าใช้บริการได้อีกด้วย

 

EV_Station_PluZ
ที่มารูปภาพ : www.thairath.co.th

 

2. EA Anywhere

แอปฯ หาสถานีชาร์จรถไฟฟ้าจากผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้าแบตเตอรี่ และรถไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเขต กทม. นอกจากจะช่วยค้นหาสถานีชาร์จรถไฟฟ้าได้แล้ว ยังช่วย “นำทาง” มายังสถานีชาร์จรถไฟฟ้าได้อีกด้วย

 

EA_Anywhere
ที่มารูปภาพ : www.salika.co

 

3. MEA EV

แอปพลิเคชันที่แสนจะครบเครื่อง ไม่ว่าจะจอง ค้นหา หรือชาร์จไฟก็สามารถทำได้ครบ จบภายในแอปเดียว ซึ่งเป็นแอปฯ ของการไฟฟ้านครหลวง สามารถค้นหาสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทุกชนิดได้ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีระบบอัจฉริยะที่ช่วยวางแผน คำนวณเส้นทาง พร้อมกับบอกจุดแวะพักระหว่างทาง ที่สำคัญรองรับทั้งระบบชาร์จ DC และ AC อีกด้วย

 

MEA_EV
ที่มารูปภาพ : www.mea.or.th

 

4. PEA VOLTA

อีกหนึ่งแอปพลิเคชันค้นหาสถานีชาร์จรถไฟฟ้า จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มาพร้อมกับฟังก์ชันแสดงตำแหน่งสถานีที่อยู่ใกล้คุณ พร้อมกับแสดงแผนที่และนำทางด้วย GPS เพื่อให้คุณเดินทางเข้าใช้บริการได้อย่างรวดเร็ว แถมยังสามารถจองคิวชาร์จล่วงหน้าได้อีกด้วย

 

PEA_VOLTA
ที่มารูปภาพ : www.mitsubishi-motors.co.th

 

5. EVolt

แอปพลิเคชันที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้คุณมากยิ่งขึ้น ซึ่งคุณสามารถสถานีไหนที่อยู่ใกล้คุณพร้อมให้บริการบ้าง นอกจากนี้ยังสามารถที่จะเริ่มและหยุดการชาร์จผ่านแอปพลิเคชันได้ด้วยล่ะ

 

EVolt

 

และทั้งหมดนี้ก็คือแอปฯ ค้นหาสถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่คนใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะต้องหลงรัก เพียงแค่ดาวน์โหลดติดเครื่องเอาไว้ ก็ช่วยให้การใช้รถของคุณง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ เลยทีเดียว

 

ความแตกต่างระหว่าง DC Charge และ AC Charge

 

จากคำอธิบายของแอปพลิเคชันค้นหาสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ที่เราบอกต่อคุณไปเมื่อสักครู่ โดยเฉพาะในส่วนของแอปฯ MEA EV ที่บอกว่า “รองรับทั้งระบบชาร์จ DC และ AC” คงจะทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่าสองตัวย่อนี้คืออะไร มีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งเราก็ไม่ปล่อยให้คุณจมอยู่กับความสงสัยเป็นเวลานาน ได้ทำการรวบรวมรายละเอียดต่าง ๆ มาให้คุณหมดแล้ว !

 

DC Charge

หรือที่สาวกรถยนต์ไฟฟ้าคุ้นเคยเป็นอย่างดี ในชื่อว่า Quick Charge เป็นการชาร์จไฟแบบรวดเร็ว ด้วยการจ่ายไฟฟ้า กระแสตรง ตามปกติจะใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ ตั้งแต่ 0% ไปจนถึง 80% ภายในระยะเวลาเพียง 60 นาทีเท่านั้น (ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่ภายในรถยนต์แต่ละรุ่น)

 

ข้อดี: ชาร์จไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับการเดินทางไกลที่ต้องลดระยะเวลาในการชาร์จให้สั้นลง (แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง โดยมีราคาอยู่ที่หน่วยละ 7.7 บาท และสถานีชาร์จรถไฟฟ้าในประเทศไทยก็ยังไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร)

 

AC Charge

คือ การชาร์จไฟแบบธรรมดา ด้วยการจ่ายไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่งมีการปล่อยกระแสไฟฟ้าที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้ใช้เวลาในการชาร์จแต่ละครั้งค่อนข้างนาน หากจับเวลาชาร์จตั้งแต่เริ่มต้นจนเต็ม จะใช้เวลาร่วม 7-10 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความจุและอัตราการจ่ายกระแสไฟของเครื่องนั้น ๆ

 

ข้อดี: ติดตั้งได้ที่บ้าน รองรับการชาร์จสูงสุด 22kW (ขึ้นอยู่กับระบบไฟฟ้าของแต่ละบ้าน) นอกจากนี้ยังสามารถชาร์จได้กับรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่น ในส่วนของค่าไฟก็ค่อนข้างถูก ชาร์จทั้งคืนก็ไม่มีหวั่น

 

ข้อดีของการเลือกใช้ “รถยนต์ไฟฟ้า”

 

ต้องอธิบายก่อนว่ารถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน มีให้เลือกทั้งหมด 4 ประเภท คือ รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด, รถยนต์ไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง, รถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ ซึ่งล้วนเป็นรถพลังงานทางเลือกใหม่ที่มีความแตกต่างกันในด้าน “ระบบพลังงานขับเคลื่อน”

 

สำหรับการเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแบบ 100% จะไม่มีการปล่อยมลพิษ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม แถมยังช่วยประหยัดน้ำมัน แถมยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านอื่น ๆ อีกหลายเท่าตัว โดยเฉพาะ “การซ่อมบำรุง” นอกจากนี้ยังเป็นรถยนต์ที่ไม่ต้องรอรอบเครื่องยนต์ สามารถสั่งอัตราเร่งได้ดั่งใจสุด ๆ แต่จะเลือกใช้งานรถไฟฟ้าแบบไหน ก็ศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนซื้อล่ะ!

 

ด้วยความที่เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ทุกสิ่งอย่างง่ายขึ้นราวกับปอกกล้วยเข้าปาก อย่างที่เห็นกันในวันนี้ก็เป็นเรื่องความสะดวกสบายในการ “ตามหาสถานีชาร์จรถไฟฟ้า” ที่ช่วยให้คุณเดินทางไปใช้บริการได้ง่ายกว่าเดิม โดยไม่ต้องเสียเวลาหา หรือรอคิวนาน ๆ แต่อย่างใด อยากใช้บริการสถานีไหนก็กดจองได้ทันที แถมแต่ละแอปฯ ยังมาพร้อมกับระบบนำทาง รับรองว่าไม่มีหลงจนเสี่ยงรถดับอย่างแน่นอน

 

เปรียบเทียบราคา หรือ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

บทความที่น่าสนใจ

เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่