ประกันสุขภาพเด็ก ต้องเลือกยังไงให้เหมาะสมกับลูกน้อยของคุณ ?

แชร์ต่อ
ประกันสุขภาพเด็ก คืออะไร

เพราะสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ “เด็ก”​ ที่มีโอกาสเจ็บป่วยได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ ทำให้เรื่อง ประกันสุขภาพเด็ก มีความสำคัญยิ่งขึ้นไปสำหรับมุมมองของคุณพ่อคุณแม่ เพราะตรงนี้จะเข้ามาช่วยในเรื่องค่ารักษาพยาบาลต่อการเจ็บป่วยแต่ละครั้งของเด็ก ๆ ที่ค่อนข้างแพงเอาเรื่อง ไม่มีประกันแล้วเข้าโรงพยาบาลทีรับรองว่าผู้ปกครองมีกุมขมับได้เลย

ประกันสุขภาพที่เข้ามามีบทบาทในการช่วยแบ่งเบาภาระ รวมถึงกระจายความเสี่ยงได้ดีมาก ๆ คงจะดีไม่ใช่น้อยหากพ่อแม่ทุกคนมี “ตัวช่วย”​ ดี ๆ ที่คอยสร้างความอุ่นใจ แต่จะต้องทำตอนไหน? แพงไหม? และให้ความคุ้มครองอย่างไร? ไปหาคำตอบกันเลย

ประกันสุขภาพเด็ก คืออะไร ? ช่วงอายุเท่าไรเรียกว่าประกันเด็ก ?

ประกันสุขภาพเด็ก (Children Insurance) คือ ประกันสุขภาพที่คุ้มครองดูแลเกี่ยวกับสุขภาพของเด็ก โดยเฉพาะในเรื่องของ “ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเมื่อยามเจ็บป่วย” ปัจจุบันสามารถซื้อความคุ้มครองได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป เช่น คุ้มครองตั้งแต่เด็กยังไม่คลอด หรือเริ่มให้ความคุ้มครองระยะแรกเกิด 15-30 วัน ไปจนถึงอายุ 3-4 ปี หรือตามเงื่อนไขกรมธรรม์

ทำไมประกันสุขภาพเด็กถึงแพงกว่าปกติ ?

นับเป็นประเด็นที่พ่อแม่หลายคนให้ความสนใจเป็นอันดับต้น ๆ ว่าทำไมประกันสุขภาพเด็กถึง “แพงกว่า” ประกันสุขภาพของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะ “เด็กแรกเกิด” นั่นเป็นเพราะว่าเด็กแรกเกิดมีความเสี่ยงที่มากกว่า หลัก ๆ เลยคือภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ บอบบาง ติดเชื้อง่าย แถมเด็กแรกเกิดยังไม่สามารถบอกหรือแสดงอาการได้เหมือนผู้ใหญ่ ดังนั้นนอกจากจะต้องสังเกตอาการ รอบผิดปกติตามร่างกายแล้ว แพทย์ยังต้องวินิจฉัยมากขึ้น เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างถูกต้องอีกด้วย

ตามปกติแล้วเด็กส่วนใหญ่จะป่วย 2-3 ครั้ง/ปี แถมค่าใช้จ่ายในแต่ละครั้งค่อนข้างสูง บางคนอาจต้องรักษาเป็นเวลานานหรือบางคนอาจต้องนอนรักษาที่โรงพยาบาล มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ คืนละ 10,000-20,000 บาท ยิ่งรักษาหลายวันค่าใช้จ่ายยิ่งเพิ่มสูงขึ้น จึงเป็นเหตุผลที่ “ประกันสุขภาพเด็กราคาแพงกว่าของผู้ใหญ่” นั่นเอง

ประกันสุขภาพเด็กคุ้มครองยังไงบ้าง ?

ลูกคือ “แก้วตาดวงใจ” เจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ทีนี้พ่อแม่ก็ว้าวุ่นเลย ! และคงจะไม่ดีนักหากต้องมากังวลเรื่อง “ค่าใช้จ่าย” จากการรักษาพยาบาลที่ค่อนข้างสูง “ประกันสุขภาพเด็ก” จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญและช่วยแบ่งเบาภาระได้เป็นอย่างดี ไปดูกันเลยว่าประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์ จะให้ความคุ้มครองลูกน้อยของคุณยังไงบ้าง ?

คุ้มครองค่าห้อง และค่ารักษาพยาบาล

สิ่งแรกที่พ่อแม่และลูกของคุณจะได้รับ เมื่อตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพเด็ก คือ ความคุ้มครองค่าห้องและค่ารักษาพยาบาล โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลัก ๆ ดังนี้

  1. ค่าห้อง คือ ค่าห้องพักรักษาตัวรายวัน (ไม่นับรวมการรักษาตัวใน ICU)
  2. ค่าอาหาร คือ อาหารที่ทางโรงพยาบาลจัดให้กับผู้ป่วยในแต่ละวัน
  3. ค่ารักษาพยาบาลและบริการทางการแพทย์ อยู่ในผลประโยชน์ของการรักษาพยาบาล หมายถึง “ค่ารักษาพยาบาล และอุปกรณ์/เครื่องมือต่าง ๆ” ที่ต้องใช้ระหว่างที่ผู้ป่วยเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน

คุ้มครองค่าห้อง ICU

ประกันสุขภาพเด็กจะ “ระบุจำนวนวงเงินคุ้มครอง” แยกจากค่าห้องและค่ารักษาพยาบาลปกติ แถมยังมี “เงื่อนไข” ที่แยกออกมาด้วย โดยแบ่งได้ 3 ประเด็นหลัก ๆ ดังนี้

  1. การจ่ายตามจริง คือ บริษัทประกันจะจ่ายตามค่าใช้จ่าย จากการเข้ารับการรักษาในห้อง ICU ที่เกิดขึ้นจริง โดยไม่เกินวงเงินและจำนวนเงินที่กำหนด
  2. การจ่ายแบบให้วงเงิน ช่วยเรื่องการรักษาพยาบาลในห้อง ICU จนกว่าจะครบตามวงเงินที่ระบุ
  3. การจ่ายแบบไม่จำกัดจำนวนวัน คือ มีวงเงินค่าใช้จ่ายในแต่ละวันให้ และกำหนดด้วยว่าสามารถจ่ายให้ไม่เกินกี่วันหลังเข้ารับการรักษาในห้อง ICU

คุ้มครองโรคที่เจอในเด็กเล็ก

เพราะเด็กมีช่วงเวลาที่ต้องอยู่ในสังคมหมู่มาก โดยเฉพาะการไปโรงเรียน ดังนั้นการเฝ้าระวังลูก ๆ ของคุณตลอดเวลา อาจเป็นไปได้ยาก รวมถึงตัวเด็กเองที่ไม่มีการระวังตัวใด ๆ มากนักเท่าผู้ใหญ่ สิ่งเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ลูกน้อยของคุณเกิด “โรคในวัยเด็ก” ได้ โรคที่ประกันสุขภาพเด็กให้ความคุ้มครองมีดังนี้

แนวทางเลือกซื้อประกันสุขภาพเด็ก
  • โรคมือ เท้า ปาก โรคยอดนิยมของเด็กเล็ก มักระบาดในช่วงหน้าฝน และติดต่อจากการสัมผัสเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโร อาการที่สังเกตเห็นได้ชัดที่สุด คือ มีตุ่มพองบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และริมฝีปาก นอกจากนี้ยังมีไข้ อ่อนเพลีย หากลูกของคุณมีอาการลักษณะนี้ ต้องรีบเข้ารับการรักษาทันที
  • โรค RSV หรือการติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กจากไวรัส Respiratory Ayncytial Virus ส่วนใหญ่มักพบในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี ลักษณะอาการคือมีไข้สูง อาเจียน ไอ กล่องเสียง หลอดลม และปอดอักเสบ หากไม่ได้เข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
  • โรคไข้หวัดใหญ่ อีกหนึ่งโรคยอดฮิตที่มักพบในช่วงฤดูฝน ลักษณะอาการคือมีไข้สูง อาเจียน คลื่นไส้ ท้วงร่วง เบื่ออาหาร หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด

คุ้มครองโรคร้ายแรง และโรคมะเร็ง

แม้ว่าจะเป็นเด็กแรกเกิด หรือเด็กในช่วงวัยไม่เกิน 10 ปี พ่อแม่ไม่ควรมองข้ามประกันภัยที่ให้ความคุ้มครอง “โรคร้ายและโรคมะเร็ง” ตรงนี้ขอขยายความคำว่า “โรคร้าย” ให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า เป็นโรคที่เมื่อไม่ได้เข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที จะสร้างความรุนแรงให้กับผู้ป่วย อาจถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิตได้ เช่น โรคชิคุนกุนยา, โรคไข้เลือดออก, โรคไข้สมองอักเสบ โรคปวดข้อยุงลาย, โรคกลุ่มกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด ฯลฯ

ส่วนในเรื่องของความคุ้มครองประกันโรคมะเร็งจะให้ความคุ้มครอง “โรคมะเร็งที่มักพบเจอในเด็ก” เช่น มะเร็งสมองระบบประสาท และไขสันหลัง, มะเร็งต่อมน้ำเหลือง, มะเร็งเม็ดเลือดขาว, มะเร็งนิวโรบลาสโตมา เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มครองโรคร้ายหรือโรคมะเร็ง “ส่วนใหญ่” จะเป็นลักษณะของการจ่ายตามจริง หรือมีวงเงินแบบเหมาจ่าย แนะนำให้สอบถามเงื่อนไขกับทางบริษัทประกันให้ดีก่อนเสมอ

“แนวทาง” เลือกซื้อประกันสุขภาพเด็ก

เนื่องจากประกันสุขภาพเด็กมีความสำคัญมาก ดังนั้นเราจึงได้รวบรวม “แนวทางประเมินเบื้องต้น” เพื่อให้ลูกน้อยของคุณได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่า (เทียบกับค่าเบี้ยที่จ่ายในแต่ละปี) จะมีแนวทางอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

ตรวจสอบสวัสดิการด้านสุขภาพที่ลูกมีอยู่

การตรวจสอบสวัสดิการที่ลูกมีอยู่ จะช่วยให้พ่อแม่ “ประหยัดค่าใช้จ่าย” ในการทำประกันได้เยอะมาก ๆ เนื่องจากไม่จำเป็นจะต้องเลือกซื้อกรมธรรม์ที่ครอบคลุมรอบด้าน ที่มีค่าเบี้ยค่อนข้างสูง ยกตัวอย่างเช่น พ่อหรือแม่เป็นข้าราชการอาจจะเลือกซื้อประกันที่ให้ความคุ้มครองเฉพาะโรคร้ายแรงเพียงอย่างเดียวก็ได้

ศึกษาแผนความคุ้มครอง

ขอย้ำอีกครั้งว่า “แผนประกันสุขภาพเด็ก” ของแต่ละบริษัทมีความแตกต่างกัน หากต้องการซื้อความคุ้มครองที่อุ่นใจให้กับลูกน้อย อย่ารีบด่วนตัดสินใจเด็ดขาด ให้ค่อย ๆ “เปรียบเทียบความคุ้มครอง” ของแต่ละกรมธรรม์ให้ดี ว่าคุ้มครองเรื่องอะไรบ้าง วงเงินเท่าไหร่ หรือมีเงื่อนไขพิเศษอะไรหรือไม่ เพื่อป้องกันการเกิดประเด็นถกเถียงในภายหลัง

ประเมินงบที่พร้อมจ่ายกับแผนประกันที่เลือก

เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจเลือกซื้อประกัน แนะนำให้นำข้อมูลต่าง ๆ ที่วางแผนเอาไว้ทั้งเรื่องสุขภาพ ความเสี่ยง สวัสดิการ รวมถึงงบประมาณของพ่อแม่ที่พร้อมจ่ายในแต่ละปี มาเทียบกับแผนประกันอย่างเหมาะสม โดยจะต้องดูรายละเอียดต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วน เช่น ความคุ้มครอง วงเงินคุ้มครองแต่ละกรณี รวมถึงวงเงินความรับผิดส่วนแรกในบางเงื่อนไขด้วย

คุ้มครองลูกน้อยอย่างอุ่นใจ ควรซื้อประกันช่วงวัยไหนดี ?

หากคุณต้องการมอบ “ความคุ้มครอง” ให้กับลูกน้อยของคุณ แนะนำให้ทำทันทีหลังจาก “อายุครบ 30 วัน” เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่มีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่าย ภูมิต้านทานค่อนข้างต่ำ แถมระยะเวลาในการเข้ารับการรักษายัง “มากกว่า” ผู้ใหญ่ โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 7-14 วัน

เป็นยังไงกันบ้าง ? พอจะเข้าใจกันแล้วใช่มั้ยว่า “ทำไมประกันสุขภาพของเด็กถึง ‘แพงกว่า’ ของผู้ใหญ่” ไม่ว่าจะด้วยความเสี่ยง ความคุ้มครอง และปัจจัยอื่น ๆ เมื่อรู้แบบนี้แล้วพ่อแม่ควรเลือกซื้อประกันที่เหมาะสมกับลูกน้อย เพราะเมื่อไหร่ที่ลูกเจ็บป่วย จะได้ไม่ต้องพะว้าพะวังกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มากเกินไป เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่ายา ฯลฯ ศึกษาเงื่อนไขและประเมินเบื้องต้นก่อนเลือกซื้อประกันให้ดี เพื่อให้ลูกของคุณได้รับความคุ้มครองที่ดีที่สุด

เปรียบเทียบราคา หรือ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

บทความที่น่าสนใจ

เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่