ซ่อมอู่ vs ซ่อมห้าง ระยะเวลาซ่อมรถจริงที่คุณควรรู้

ความแตกต่างระหว่าง ซ่อมอู่ vs ซ่อมห้าง มีอะไรบ้าง?

ก่อนตัดสินใจเลือกทำประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์ คุณต้องรู้ก่อนว่า ซ่อมอู่ vs ซ่อมห้าง มีความแตกต่างกันในด้านใดบ้าง ซึ่ง มิสเตอร์ คุ้มค่า รวบรวมความแตกต่าง 4 ประเด็นหลัก ๆ มาให้ โดยมีรายละเอียดที่จำเป็นต้องรู้ ดังนี้

• 1. อะไหล่รถยนต์

  ในกรณีที่มีประกันรถยนต์ชั้น 1 และเป็นรถยนต์รุ่นค่อนข้างใหม่ ถ้าทำการส่งซ่อมห้างมั่นใจได้เลยว่าจะได้อะไหล่แท้อย่างแน่นอน เนื่องจากประกันซ่อมห้างจะมีการจำกัดอายุรถที่จะรับซ่อมด้วย ทำให้อะไหล่ที่ทางศูนย์มีหรือจัดหามาให้ สามารถซ่อมและเข้ากับรุ่นรถยนต์ของคุณ

  แต่ถ้าหากซ่อมอู่ไม่สามารถรับประกันได้ว่าอะไหล่ที่ช่างนำมาซ่อมให้จะเป็นอะไหล่แท้หรือไม่(บางอู่ที่ไม่ได้มาตรฐาน) ดังนั้นจะซ่อมอู่ไหนต้องมั่นใจในชื่ออู่นั้นพอสมควรในเรื่องมาตรฐานการให้บริการ แต่สำหรับใครที่สะดวกส่งซ่อมอู่ เมื่อมีประกันรถยนต์ชั้น 1 และอายุรถไม่เกินจากที่กำหนด ตามกฎหมายการประกันรถยนต์ ถ้าตรวจสอบแล้วเจอว่าไม่ใช่อะไหล่แท้ สามารถร้องเรียนกับบริษัทประกันหรือ คปภ. ได้เลย

• 2. อายุรถ

  รถเก่ากว่ามีข้อจำกัดในการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ซ่อมห้างพอสมควร หากรถมีอายุเกินกำหนดเงื่อนไขกรมธรรม์จะบังคับการเคลมซ่อมอู่ได้อย่างเดียว โดยรถยนต์ที่จะนำส่งซ่อมห้างหรือซ่อมอู่ จะมีการจำกัดอายุ ดังนี้

  • ซ่อมห้าง: รถที่สามารถทำได้ จะต้องมีอายุไม่เกิน 5-7 ปี
  • ซ่อมอู่: รถที่ทำได้ต้องอายุไม่เกิน 10-12 ปี

• 3. ระยะเวลาซ่อมรถ

  โดยปกติแล้วการซ่อมอู่จะทำได้เร็วกว่าศูนย์ เนื่องจากมีอู่หลากหลายให้เลือกใช้บริการ ยิ่งถ้าเป็นอู่ซ่อมในเครือด้วยแล้ว จะไม่มีขั้นตอนการส่งซ่อมที่ใช้เวลายาวนานจากเงื่อนไขของเรื่องเอกสาร เพราะทางอู่และบริษัทประกันมีข้อตกลงชัดเจนอยู่แล้ว สามารถส่งซ่อมได้ทันที

  ถ้าถามว่ารถซ่อมศูนย์ นานไหม ตอบตรงนี้เลยว่า “นานกว่า” เนื่อจากผู้ใช้บริการหลายท่านอยากส่งซ่อมห้างกันทั้งนั้นจากหลากหลายบริษัทประกันที่ส่งไป ทำให้มีผู้เข้าใช้บริการจำนวนมาก อีกทั้งห้างหรือศูนย์บริการไม่ได้มีให้เลือกเยอะเหมือนอู่ บางพื้นที่มีเพียงแห่งเดียว จึงทำให้เกิดความล่าช้าในการส่งซ่อม

• 4. ราคา

  ในส่วนของราคาประกันรถยนต์ สำหรับซ่อมอู่ vs ซ่อมห้างมีความแตกต่างกันพอสมควร เนื่องจากต้นทุนต่าง ๆ เช่น ค่าอะไหล่ ค่าบริการ หรือค่าช่างเองก็ตาม โดยประกันซ่อมห้างจะมีต้นทุนที่สูงกว่า ทำให้บริษัทประกันมีความจำเป็นต้องตั้งราคาที่สูงตามไปด้วย

  แน่นอนว่าความแตกต่างทั้ง 4 ข้อของ ซ่อมอู่ vs ซ่อมห้าง มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อ/ต่อประกันของคุณค่อนข้างมาก ดังนั้น เพื่อความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ ตรงกับความต้องการ และราคาที่สบายกระเป๋า แนะนำให้เปรียบเทียบประกันรถยนต์ให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมาในอนาคต

พร้อมที่จะเปรียบเทียบประกันรถยนต์หรือยัง?

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

เช็คราคา

02 080 9292

ซ่อมอู่ vs ซ่อมห้าง ใช้เวลาซ่อมต่างกันเท่าไหร่?

ระยะเวลาการซ่อมที่ศูนย์ซ่อมรถ ขึ้นอยู่กับความเสียหายของรถ และต้องไม่ลืมปัจจัยที่ว่าศูนย์มีงานเยอะเป็นฐานอยู่ด้วยตามที่บอกไว้ก่อนหน้า โดยการซ่อมเล็กน้อยอาจใช้เวลาประมาณ 3-7 วันทำการเป็นพื้นฐาน ในขณะที่การซ่อมทั่วไป เช่น เปลี่ยนกันชน หรือซ่อมรอยบุบเล็กน้อย อาจใช้เวลา 7-30 วัน และความเสียหายที่รุนแรงถึงขั้นโครงสร้างเสียหาย อาจใช้เวลาประมาณนานเป็นเดือน 1-2 เดือน หรือนานกว่านั้น เพราะทั้งเรื่องต้องรอคิวซ่อม รออะไหล่ส่งมาจากต่างประเทศ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้การซ่อมมีเวลานานทั้งสิ้น

ส่วนระยะเวลาซ่อมรถแบบซ่อมอู่ซ่อมรถยนต์ใกล้ฉัน ที่จำนวนรถเข้าซ่อมอาจจะน้อยกว่าศูนย์ กรณีเฉี่ยวชนเล็กน้อยอาจใช้เวลาประมาณ 1-4 วันทำการ ส่วนงานตัวถังหรือการเปลี่ยนชิ้นส่วน จะใช้เวลา 2-4 วันทำการ แต่ถ้าเป็นการซ่อมสีรอบคัน อาจใช้เวลา 3-4 สัปดาห์ และหากมีปัจจัยอื่น เช่น ความเสียหายหนัก หรือต้องรออะไหล่ ก็อาจใช้เวลานานกว่านั้น สำคัญที่สุดคือ รถคุณจะได้เริ่มต้นซ่อมเมื่อไร หากเริ่มได้เร็ว อะไหล่มีพร้อมให้เบิก ระยะเวลารอซ่อมอู่จะได้ไวกว่าซ่อมศูนย์แน่นอน

เมื่อต้องส่งซ่อมรถนาน รับมือยังไงดี?

เมื่อพูดถึงการนำรถส่งซ่อม ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้ คือ “รอนานแน่” อย่างต่ำก็เป็นสัปดาห์ อย่างมากก็เป็นเดือน แล้วในระหว่างที่ไม่มีรถให้ใช้ระหว่างรอ ก็ต้องเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต มิสเตอร์ คุ้มค่า เลยมีวิธีการรับมือเมื่อรถต้องส่งซ่อมนาน ๆ มาแชร์ให้คุณ

• 1. เตรียมเอกสารส่งซ่อม

  อย่างแรกที่ต้องทำ คือ เตรียมเอกสารจำพวกสำเนาบัตรประชาชน, ใบขับขี่, ทะเบียนรถ, กรมธรรม์ประกันภัย และใบเคลมประกันให้เรียบร้อย เพื่อนำไปยื่นส่งซ่อมกับศูนย์ซ่อม หรืออู่ที่อยู่ในเครือของบริษัทประกันที่ทำไว้

• 2. ยื่นเคลมขอรถใช้ระหว่างซ่อม

  ตรวจสอบกรมธรรม์ที่ทำไว้ ว่ามี “บริการรถสำรองระหว่างซ่อม” หรือไม่ ถ้ามีก็สามารถยื่นเคลมจากเจ้าหน้าที่ได้ทันที ซึ่งการขอรถใช้ระหว่างซ่อมมีเงื่อนไขยิบย่อยที่ควรรู้ ดังนี้

  • มักมีบริการนี้สำหรับผู้ที่ซื้อประกันรถยนต์ ชั้น 1, 2+ และ 3+ เท่านั้น
  • กรณีเกิดอุบัติเหตุ ผู้ยื่นเคลมต้องเป็น “ฝ่ายถูก” จะทำให้การเคลมง่ายกว่า เนื่องจากสามารถขอรถใช้ระหว่างซ่อมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และสามารถเรียกร้องค่าเสียเวลาระหว่างซ่อมรถ ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถกับประกันของคู่กรณีได้
  • หากเป็นฝ่ายผิด ประมาทร่วม หรือยังไม่สรุปคดี บางบริษัทก็มีรถให้ใช้ระหว่างซ่อมเช่นกัน แต่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท

• 3. หาเช่ารถใช้เป็นรายเดือน

  หากประกันที่ทำอยู่ไม่ครอบคลุม หรือรอคิวส่งซ่อมนานเป็นเดือน ๆ แถมคุณยังมีความจำเป็นต้องใช้รถในการเดินทางเป็นประจำ การใช้บริการเช่ารถรายเดือนเป็นทางออกที่ง่าย และสะดวกสบายมากที่สุด เพราะคุณจะมีรถใช้ทันที โดยไม่ต้องลุ้นระยะเวลาเคลมประกันรถยนต์ หรือลุ้นว่าเมื่อไหร่จะได้คิวซ่อม และเมื่อได้คิวแล้วก็ต้องมารอว่าเมื่อไหร่จะซ่อมเสร็จอีก