เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับรถยนต์ สิ่งที่เจ้าของรถหลายคนคาดหวัง คือ “ความช่วยเหลือจากประกันรถยนต์” แต่ในความเป็นจริงบางกรณีอาจต้องเจอสถานการณ์ประกันไม่รับเคลม, ประกันไม่อนุมัติซ่อม หรือประกันรถยนต์ไม่จ่ายค่าสินไหม จนเกิดความสับสนตามมาว่าสาเหตุที่ประกันไม่จ่ายคืออะไร? มิสเตอร์ คุ้มค่า จะพาไปค้นหาคำตอบ พร้อมให้เกร็ดความรู้ ประกันภัยรถยนต์แบบครบถ้วน ถ้าพร้อมแล้วตามไปทำความเข้าใจกันเลย
สาเหตุที่ประกันไม่จ่าย มีอะไรบ้าง?
หากคุณกำลังสงสัยว่าทำไมประกันถึงไม่อนุมัติซ่อม ไม่เคลมให้ หรือใด ๆ ก็ตาม ที่ทำให้ผู้เอาประกันจำต้องควักจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดเองเพียงลำพัง มิสเตอร์ คุ้มค่า ลิสต์สาเหตุที่ประกันไม่จ่าย หรือไม่อนุมัติซ่อมมาให้แล้ว ไปดูกันเลย
- อุบัติเหตุอยู่นอกขอบเขตความคุ้มครอง: เช่น ทำผิดกฎหมาย หรือเกิดจากการใช้รถในลักษณะที่ไม่ใช่การใช้งานปกติ (ใช้รถเพื่อแข่ง, ขนของเกินกำหนด เป็นต้น)
- ไม่มีคู่กรณี และไม่มีหลักฐาน: ถ้าเป็นการแจ้งเคลมแบบไม่มีคู่กรณี ไม่มีหลักฐาน หรือภาพถ่าย ประกันอาจไม่รับเคลม โดยเฉพาะในประกันชั้น 2 หรือ 3
- ไม่มีใบขับขี่ขณะเกิดเหตุ: ถ้าคนขับไม่มีใบขับขี่ รวมถึงใบขับขี่หมดอายุ บริษัทประกันมีสิทธิ์ไม่จ่ายค่าสินไหม
- แจ้งเคลมประกันรถยนต์ช้าเกินไป: บางบริษัทกำหนดว่าต้องแจ้งเคลมภายใน 24 ชั่วโมง หากเลยเวลาประกันจะถือว่าผิดเงื่อนไข และปฏิเสธการเคลมได้
- รถไม่มีประกัน หรือกรมธรรม์หมดอายุ: หากวันเกิดเหตุประกันหมดอายุแล้ว และยังไม่ได้ต่อความคุ้มครอง กรณีนี้เคลมไม่ได้แน่นอน
- เคลมซ้ำซ้อน หรือเคลมหลอก: หากบริษัทตรวจสอบพบว่าเป็นการเคลมที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง หรือมีการแจ้งเหตุหลายครั้งแบบผิดปกติ อาจถูกปฏิเสธเคลมทันที
- ผู้เอาประกันผิดเงื่อนไข: เช่น นำรถไปเปลี่ยนแปลงสภาพ เปลี่ยนเครื่องยนต์ หรือนำไปติดแก๊สโดยไม่แจ้งบริษัท (ไม่มีข้อมูลการเปลี่ยนแปลงระบุในกรมธรรม์)
ทั้งนี้ แต่ละบริษัทมีข้อกำหนดและเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป ก่อนตัดสินใจซื้อประกันนอกจากจะเปรียบเทียบประกันรถยนต์อย่างถี่ถ้วนแล้ว ยังควรสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ โดยเฉพาะเงื่อนไขและข้อยกเว้นให้ดีก่อนตัดสินใจ เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุม และตอบโจทย์มากที่สุด
โดยทั่วไปแล้วรอประกันอนุมัติซ่อมกี่วัน?
หนึ่งในคำถามยอดฮิตที่หลายคนมักสงสัยเกี่ยวกับการเคลมประกันรถยนต์ คือ รอประกันอนุมัติซ่อมกี่วัน? ซึ่งระยะเวลาโดยเฉลี่ยในการรออนุมัติซ่อม คือ 1-3 วันทำการ สำหรับการแจ้งเคลมที่มีเอกสารครบถ้วน และ 3-7 วันขึ้นไป กรณีที่ต้องตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น มีคู่กรณี, ต้องดูใบเสนอราคาจากอู่ซ่อม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมี “ปัจจัย” ที่ทำให้การอนุมัติล่าช้าอีกมากมาย มิสเตอร์ คุ้มค่า รวบรวมมาให้แล้ว
- รอใบเสนอราคาจากอู่ซ่อม
- เอกสารแนบไม่ครบ
- ต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสภาพรถ
- ต้องรอรายงานจากตำรวจ (กรณีมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต)
ถ้าประกันรถยนต์ไม่จ่ายค่าสินไหม ทำยังไงดี?
หากคุณพบเจอกับเหตุการณ์ประกันรถยนต์ไม่จ่ายค่าสินไหม ประกันไม่รับเคลม หรือประกันไม่อนุมัติซ่อม ไม่ต้องตกใจ เพราะ มิสเตอร์ คุ้มค่า รวบรวมขั้นตอนและแนวทางที่สามารถดำเนินการได้มาให้แล้ว โดยขั้นตอนขอความเป็นธรรม หรืออุทธรณ์การตัดสินใจของบริษัทประกัน มีดังนี้
1. ขอเอกสารชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร
ขอให้บริษัทประกันระบุเหตุผลอย่างชัดเจน ว่าทำไมถึงปฏิเสธการจ่ายเงิน เช่น ไม่มีอยู่ในความคุ้มครอง ผิดเงื่อนไขกรมธรรม์ ไม่มีใบขับขี่ ขับรถขณะมึนเมา เป็นต้น เนื่องจากเอกสารชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรสำคัญมาก ๆ ในการยื่นอุทธรณ์ต่อหน่วยงานอื่น
2. ตรวจสอบเงื่อนไขในกรมธรรม์
ทั้งนี้ คุณควรตรวจสอบเงื่อนไขกรมธรรม์ให้ดี อ่านรายละเอียดให้ครบถ้วน พร้อมกับดูว่าข้อกำหนดและเงื่อนไข รวมถึงข้อยกเว้นใดที่อาจทำให้บริษัทมีสิทธิ์ไม่จ่าย เพราะบางครั้งผู้เอาประกันอาจเข้าใจผิดว่าคุ้มครอง แต่จริง ๆ แล้วเงื่อนไขอาจไม่ครอบคลุม
3. เจรจากับบริษัทประกันอีกครั้ง
ด้วยการโทรสอบถาม Call Center รวมถึงส่งอีเมลแนบเอกสารและหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมกับขอให้บริษัท “ทบทวน” หรือ “พิจารณาใหม่” หากการสื่อสารเป็นไปอย่างชัดเจนและสุภาพ มีโอกาสที่บริษัทอาจเปลี่ยนการตัดสินใจได้
4. ร้องเรียนต่อสำนักงาน คปภ.
กรณีที่คุณมั่นใจว่าโดนบริษัทประกันปฏิเสธอย่างไม่เป็นธรรม สิ่งที่สามารถทำได้ คือ ยื่นเรื่องร้องเรียนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดย คปภ. จะทำหน้าที่เป็น ‘คนกลาง’ เพื่อไกล่เกลี่ย หรือพิจารณาคดีข้อพิพาทระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัท
5. รวบรวมหลักฐานอย่างละเอียด
ในท้ายที่สุดแล้วหากต้องเข้าสู่กระบวนการร้องเรียนหรือฟ้องร้อง คุณควรมีหลักฐานครบ ดังนี้
- รูปถ่ายเหตุการณ์
- กล้องหน้ารถ
- ใบแจ้งความ
- กรมธรรม์ประกันภัย
- เอกสารการปฏิเสธจากบริษัทประกัน
ไม่ว่าคุณจะรู้สึกไม่พอใจแค่ไหน อย่าต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง หรือใช้อารมณ์กับเจ้าหน้าที่ประกันเด็ดขาด เพราะอาจทำให้การเจรจายากขึ้น แนะนำให้พูดคุยด้วยเหตุผล พร้อมแนบหลักฐานที่มี แบบนี้จะช่วยให้คุณได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรมมากขึ้น
ป้องกันเหตุการณ์เคลมไม่ผ่านยังไงได้บ้าง?
การป้องกันการเคลมไม่ผ่านถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เพราะการเคลมไม่สำเร็จอาจหมายถึง “ค่าเสียหายจำนวนมากที่คุณต้องรับผิดชอบเอง” ซึ่งหลายกรณีมักเกิดจากความเข้าใจผิด หรือการละเลยเงื่อนไขประกันภัย มิสเตอร์ คุ้มค่า จึงได้รวบรวมเกร็ดความรู้ ประกันภัยรถยนต์มาให้ทำความเข้าใจ ถ้าพร้อมแล้วตามไปดูวิธีป้องกันไม่ให้การเคลมประกันรถยนต์ถูกปัดตกกันเลย
1. อ่านเงื่อนไขกรมธรรม์ให้ละเอียด
อันดับแรกคุณจำเป็นต้องรู้ก่อนว่าประกันชั้นไหนคุ้มครองอะไร รวมถึงเข้าใจข้อยกเว้นความคุ้มครองเป็นอย่างดี เช่น ประกันรถยนต์ ชั้น 2+ ไม่คุ้มครองอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี ที่สำคัญควรตรวจสอบด้วยว่ากรมธรรม์ของคุณหมดอายุเมื่อไหร่
2. แจ้งเคลมให้เร็วที่สุด
ปกติแล้วต้องแจ้งเคลมประกันรถยนต์ ภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากเกิดเหตุ หากแจ้งช้าเกินไปมีสิทธิถูกบริษัทประกันปฏิเสธ (ประกันไม่รับเคลม) ได้ ถ้ามีแอปพลิเคชันของบริษัท ให้แจ้งผ่านช่องทางดังกล่าวได้เลย นอกจากจะสะดวกแล้วยังมีหลักฐานในการแจ้งเคลม (เวลาในการแจ้ง) อีกด้วย
3. อย่าละเลยการพกใบขับขี่
ถ้าคุณกำลังสงสัยว่าไม่มีใบขับขี่ เคลมประกันได้ไหม บอกเลยว่ามีโอกาสที่ประกันรถยนต์ไม่จ่ายค่าสินไหม ดังนั้นไม่ว่าคุณจะขับรถเองหรือให้คนอื่นขับก็ตาม ควรตรวจสอบเสมอว่า “คนขับ” มีใบขับขี่ที่ถูกต้อง
4. เก็บหลักฐานให้ครบ
ถ่ายรูปจุดเกิดเหตุ ป้ายทะเบียน ความเสียหายให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้กล้องหน้ารถก็นับเป็นหลักฐานชั้นเยี่ยม สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานได้ และถ้าเป็นอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณี แนะนำให้เก็บข้อมูลมาให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ หมายเลขประกัน และเลขทะเบียนรถ
5. อย่าดัดแปลงรถโดยไม่แจ้งบริษัทประกัน
หากคุณชื่นชอบการแต่งรถ แม้จะไม่มากเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เช่น เปลี่ยนเครื่อง ติดแก๊ส เปลี่ยนสี เปลี่ยนล้อแม็ก ฯลฯ ควรแจ้งเปลี่ยนสีรถ หรือการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ กับบริษัทประกันทุกครั้ง เพื่อให้บริษัทบันทึกไว้ในกรมธรรม์ หากละเลย (ไม่แจ้ง) ประกันอาจปฏิเสธการเคลมในกรณีที่เกี่ยวข้องได้
หลายคนอาจมองว่าการเคลมประกันรถยนต์เป็นเรื่องง่าย แต่ในความเป็นจริงหากไม่เข้าใจเงื่อนไขในกรมธรรม์ หรือขาดความระมัดระวัง อาจทำให้ประกันรถยนต์ไม่จ่ายค่าสินไหม หรือประกันไม่อนุมัติซ่อมได้ ดังนั้นการรู้เท่าทันสาเหตุที่ประกันไม่จ่าย แจ้งเหตุให้ทันเวลา และขับรถอย่างถูกต้องตามกฎหมาย คือ “กุญแจสำคัญ” ในการป้องกันการเคลมไม่ผ่านได้ดีมาก ๆ เลยล่ะ แถมยังช่วยลดความเสียหายทางการเงิน เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้อีกด้วย
คำจำกัดความ
ขอความเป็นธรรม | การร้องขอให้ได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม หรือได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรมในสถานการณ์หรือประเด็นที่เกิดขึ้น |
อุทธรณ์ | ยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่ง หรือคำวินิจฉัยของพนักงานเจ้าหน้าที่, ยื่นฟ้อง หรือยื่นคำร้องต่อศาลสูงคัดค้านคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลชั้นต้น |
ความเสียหายทางการเงิน | การสูญเสียเงินหรือทรัพย์สินในรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับบุคคลหรือองค์กร |