กรณีชนทรัพย์สินบุคคลภายนอก ประกัน พ.ร.บ. ช่วยได้แค่ไหน

แชร์บทความนี้
กรณีชนทรัพย์สินบุคคลภายนอก ประกัน พ.ร.บ. ช่วยได้แค่ไหน | มิสเตอร์ คุ้มค่า

เมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน หลายคนอาจสงสัยว่า “ความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก คุ้มครองอะไรบ้าง” โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินบุคคลภายนอกที่เสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ของคู่กรณี รั้วบ้าน หรือป้ายจราจร มิสเตอร์ คุ้มค่า จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าอะไรบ้างที่ถือเป็นทรัพย์สินของบุคคลภายนอก และความคุ้มครองในแต่ละกรณี

ทรัพย์สินบุคคลภายนอก คืออะไร?

ทำความเข้าใจก่อนว่า ทรัพย์สินบุคคลภายนอก คือ ทรัพย์สินที่ไม่ได้เป็นของผู้เอาประกันภัย แต่เป็นของ “บุคคลภายนอกตามกฎหมาย” ซึ่งอาจได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุที่ผู้เอาประกันเป็นผู้ก่อขึ้น เช่น รถยนต์ของคู่กรณี, รั้วบ้าน, ประตู, โรงรถ, ป้ายโฆษณา, ป้ายจราจร, สินค้าหรือทรัพย์สินที่อยู่ภายในรถคันอื่น รวมถึงอาคารและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ โดยทรัพย์สินเหล่านี้จะได้รับความคุ้มครองหรือไม่ “ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันภัย” ที่ทำไว้

ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก มีอะไรบ้าง?

เมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ผู้ขับขี่อาจต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ “บุคคลภายนอก” ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือทรัพย์สิน การเข้าใจว่าความรับผิดต่อบุคคลภายนอกทั้งหมดมีอะไรบ้าง จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือและวางแผนเรื่องประกันภัยได้อย่างเหมาะสม ซึ่งในทางกฎหมายความรับผิดต่อบุคคลภายนอก แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

  • ความเสียหายต่อชีวิตหรือร่างกาย: เช่น ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารของรถอีกคันได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
  • ความเสียหายต่อทรัพย์สิน: ซึ่งรวมถึงทรัพย์สินบุคคลภายนอก เช่น รถยนต์ อาคาร รั้ว หรือทรัพย์สินอื่น ๆ

หากผู้ขับขี่เป็นฝ่ายผิดต้องรับผิดชอบค่าเสียหายต่อ “บุคคลภายนอกตามกฎหมาย” ซึ่งการทำประกันภัยรถยนต์จะช่วยลดภาระตรงนี้ได้ แนะนำว่าก่อนตัดสินใจซื้อความคุ้มครอง ควรเปรียบเทียบประกันรถยนต์ให้ดีก่อนตัดสินใจ เพื่อความคุ้มครองที่ครอบคลุม ตอบโจทย์

ความคุ้มครองประกันสมัครใจกับ พ.ร.บ. ต่างกันยังไง? | มิสเตอร์ คุ้มค่า

ความคุ้มครองประกันสมัครใจกับ พ.ร.บ. ต่างกันยังไง?

หนึ่งในคำถามที่พบบ่อย คือ ความคุ้มครองประกันสมัครใจกับ พ.ร.บ. ต่างกันยังไง? คำตอบคือทั้งสองประเภทมี ‘วัตถุประสงค์’ ต่างกัน เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้รวบรวมรายละเอียดมาให้แล้ว ดังนี้

ประกัน พ.ร.บ. รถยนต์ (ภาคบังคับ)

  • คุ้มครองเฉพาะชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอก
  • ไม่คุ้มครองทรัพย์สินบุคคลภายนอก
  • เป็นประกันที่ต้องมีตามกฎหมายก่อนต่อภาษีรถยนต์ทุกคัน

ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ

  • คุ้มครองทั้งชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินบุคคลภายนอก
  • ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมกว่า พ.ร.บ. มาก
  • เงื่อนไขและวงเงินคุ้มครองขึ้นอยู่กับประเภทของประกัน (ชั้น 1, 2+, 3+ ฯลฯ)

ดังนั้น หากคุณชนทรัพย์สินของบุคคลอื่น แล้วมีเพียงประกัน พ.ร.บ. รถยนต์ ก็อาจต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดเอง เพราะความรับผิดต่อบุคคลภายนอกในส่วนของทรัพย์สิน ไม่ได้อยู่ในความคุ้มครองนั่นเอง

ค่าชดเชยทรัพย์สินบุคคลภายนอกคิดอย่างไร?

ค่าชดเชยทรัพย์สินบุคคลภายนอก จะพิจารณาจากมูลค่าความเสียหายจริงที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินของบุคคลภายนอกที่คุณเป็นผู้ก่อให้เกิด โดยมีหลักเกณฑ์และขั้นตอนการคิดค่าชดเชยโดยทั่วไป ดังนี้

  • ประเมินมูลค่าความเสียหายจริง: บริษัทประกันหรือตัวแทนจะตรวจสอบความเสียหาย เช่น ค่าซ่อมรถยนต์ ค่าซ่อมรั้วบ้าน ฯลฯ โดยอ้างอิงจากราคากลางหรือใบเสนอราคาจากอู่ซ่อมที่ได้รับการยอมรับ
  • พิจารณาว่าทรัพย์สินนั้นมีค่าเสื่อมราคาหรือไม่: หากเป็นของใช้หรือทรัพย์สินที่มีค่าเสื่อม เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ อาจมีการหักค่าเสื่อมราคาตามอายุการใช้งาน
  • ตรวจสอบวงเงินคุ้มครองตามกรมธรรม์: บริษัทประกันจะชดเชยให้ไม่เกินวงเงินคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอกตามกฎหมาย สูงสุด 1,000,000 บาทต่อครั้ง (ขึ้นอยู่กับแผนประกัน)
  • หักค่าความเสียหายส่วนแรก (ถ้ามี): ถ้าในกรมธรรม์ระบุว่าผู้เอาประกันต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรกบางส่วน (Excess) บริษัทจะหักออกจากยอดชดเชย

ถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่มีประกัน เราทำอย่างไร?

เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันบนท้องถนน เช่น โดนรถชน แล้วฝ่ายตรงข้ามไม่มีประกันทั้งประกัน พ.ร.บ. รถยนต์ และประกันภาคสมัครใจ สิ่งที่คุณควรทำมีทั้งหมด 4 ขั้นตอน แต่จะมีอะไรบ้าง? ตาม มิสเตอร์ คุ้มค่า ไปทำความเข้าใจกันเลย

  • 1. แจ้งตำรวจและขอเอกสารทางกฎหมาย

    • ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาที่เกิดเหตุ และลงบันทึกประจำวัน เพื่อยืนยันว่าใครเป็นฝ่ายผิด
    • ขอเอกสารที่สำคัญ เช่น ใบแจ้งความหรือรายงานคดี ซึ่งใช้เป็นหลักฐานในการเรียกร้องค่าเสียหาย
  • 2. รวบรวมหลักฐาน

    • ถ่ายภาพความเสียหาย เลขทะเบียนรถ ใบขับขี่ของคู่กรณี
    • หากมีพยานหรือกล้องหน้ารถ จะช่วยเพิ่มน้ำหนักให้การเรียกร้องค่าเสียหายง่ายขึ้น
  • 3. เรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีโดยตรง

    • ถ้าคุณมีหลักฐานว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นฝ่ายผิด สามารถเรียกให้เขาชดเชยค่าเสียหายโดยตรงได้
    • ถ้าคู่กรณีปฏิเสธการชดใช้ อาจต้องดำเนินการทางกฎหมายหรือฟ้องศาลแพ่ง
  • 4. ใช้ประกันของคุณ (ถ้ามี)

    • หากคุณเป็นฝ่ายถูก: ประกันของคุณอาจสำรองค่าเสียหายให้ก่อน แล้วไปเรียกคืนจากคู่กรณี
    • กรณีคุณเป็นฝ่ายผิด: ประกันของคุณจะรับผิดชอบตามวงเงินคุ้มครอง
*หมายเหตุ: หากมีเฉพาะ พ.ร.บ. จะไม่สามารถเคลมค่าซ่อมรถของคุณเองได้

การมีเพียงประกัน พ.ร.บ. รถยนต์ อาจไม่เพียงพอในกรณีเกิดอุบัติเหตุ เพราะไม่คุ้มครองทรัพย์สินบุคคลภายนอก และอาจทำให้คุณต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวนมากจากเงินส่วนตัว หากคุณต้องการความอุ่นใจ ควรพิจารณาซื้อประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ เช่น ชั้น 1 หรือชั้น 2+ เพื่อให้ครอบคลุมทั้งความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ชีวิต และทรัพย์สิน

คำจำกัดความ

ค่าชดเชย เงินที่บริษัทประกันจ่ายให้ผู้เสียหาย เพื่อเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ โดยครอบคลุมทั้งความเสียหายต่อทรัพย์สิน (เช่น ค่าซ่อมรถ) และการบาดเจ็บต่อบุคคล (เช่น ค่ารักษาพยาบาล)
บุคคลภายนอกตามกฎหมาย บุคคลที่ไม่ได้เป็นคู่สัญญาโดยตรงของสัญญาใดๆ แต่มีสิทธิเกี่ยวข้อง หรือได้รับผลกระทบจากสัญญานั้นๆ โดยทั่วไปมักหมายถึง บุคคลที่สาม (Third Party) ที่ไม่ได้เป็นคู่สัญญาโดยตรง เช่น ในการประกันภัย บุคคลภายนอกคือผู้ที่ได้รับความเสียหายต่อร่างกายหรือทรัพย์สิน ไม่ใช่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประกันภัยเอง
ค่าเสื่อม การทยอยลดมูลค่าของสินทรัพย์ถาวรที่มีมูลค่าสูงและมีอายุการใช้งานยาวนาน

เปรียบเทียบราคา หรือ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

02 080 9292 @mrkumka

บทความที่น่าสนใจ

เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่