หลายคนที่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 มักมีคำถามตามมาว่าเคลมประกันแบบไหน เบี้ยเพิ่ม? หรือเคลมแบบนี้จะกระทบกับเบี้ยประกันรถยนต์ปีหน้าหรือเปล่า? ซึ่งเป็นคำถามที่ถูกต้องมาก เพราะถึงแม้ว่าประกันจะออกแบบมาเพื่อช่วยแบ่งเบาความเสี่ยง แต่การเคลมบางประเภทก็มีผลต่อค่าเบี้ยในปีถัดไปจริง ๆ มิสเตอร์ คุ้มค่า จะอธิบายแบบละเอียดว่าเคลมประกันรถยนต์แต่ละประเภท ส่งผลต่อค่าเบี้ยมากน้อยแค่ไหน พร้อมแนวทางตัดสินใจว่ากรณีไหน “ควรเคลม” และกรณีไหน “ควรจ่ายเอง” เพื่อป้องกันเบี้ยพุ่ง
เคลมประกัน ไม่มีคู่กรณี ประเภทที่กระทบเบี้ยมากที่สุด
การเคลมประกัน ไม่มีคู่กรณี ถือเป็นประเภทการเคลมที่มีผลต่อค่าเบี้ยสูงสุด เมื่อเทียบกับประเภทอื่น ๆ เพราะบริษัทประกันมองว่าความเสียหายเกิดจากการขับขี่ของผู้เอาประกันเอง ไม่ว่าจะเป็นเหตุไม่ตั้งใจหรือเหตุสุดวิสัยก็ตาม จึงถูกจัดว่าเป็นเหตุที่สะท้อนพฤติกรรมเสี่ยง และมีโอกาสเกิดซ้ำได้ในอนาคต ทำให้ต้องปรับเบี้ยประกันรถยนต์ปีถัดไปเพิ่มขึ้น ซึ่งหลายกรณีที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่
- ถอยรถชนเสา
- ชนฟุตบาท
- ขับเฉี่ยววัตถุ
- ถูกเฉี่ยว/ชนแล้วหาคู่กรณีไม่ได้
- เคลมแห้งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีคู่กรณี
ผลกระทบต่อค่าเบี้ย
- เพิ่มขึ้น 10-40% ในปีถัดไป
- เคลมหลายครั้งอาจเพิ่มมากกว่า 40%
- ทำให้เสียส่วนลดประวัติดี (NCB) ทันที
- บริษัทบางแห่งอาจตีความเป็น “ความเสี่ยงสูง” ในปีถัดไป
พร้อมที่จะเปรียบเทียบประกันรถยนต์หรือยัง?
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ
เคลมกระจกรถ ส่วนใหญ่ไม่กระทบกับเบี้ยจริงไหม?
จริง เพราะบริษัทประกันมองว่าการแตกของกระจกมักเกิดจาก “เหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้” เช่น หินกระเด็นใส่ วัตถุปลิว หรือการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างรุนแรง ซึ่งไม่ใช่ความเสี่ยงจากทักษะการขับขี่ของผู้เอาประกัน ทำให้จัดเป็นเหตุที่ไม่ควรนำมาใช้ปรับเบี้ย
ผลกระทบต่อค่าเบี้ย
- โดยทั่วไปไม่กระทบ
- ไม่ถูกตัด NCB
- ยกเว้นกรณีที่เคลมพร้อมความเสียหายจากอุบัติเหตุที่ผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด (อาจกระทบตามประเภทนั้น)
รถมีรอยขีดข่วน เคลมประกันรอบคัน กระทบเบี้ยประกันอย่างไร?
รอยขีดข่วนเป็นหนึ่งในเหตุที่เจ้าของรถพบได้บ่อยที่สุด ทั้งจากการจอดรถ การเฉี่ยวในที่แคบ หรืออุบัติเหตุเบา ๆ และหลายคนเลือกเคลมประกันรอบคัน เพื่อให้รถกลับมาสวยเหมือนใหม่ แต่สิ่งที่ต้องรู้ คือ รอยขีดข่วนส่วนใหญ่จัดเป็น “เคลมประกัน ไม่มีคู่กรณี” ทำให้กระทบต่อค่าเบี้ยประกันเช่นเดียวกัน
เนื่องจากบริษัทประกันมองว่ารอยขีดข่วนเกิดจาก “ความประมาทเล็กน้อย หรือความไม่ระมัดระวัง” ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงว่าสามารถเกิดขึ้นซ้ำได้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเคลมประกันประเภทนี้ทำให้เบี้ยประกันปีถัดไปสูงขึ้นอย่างชัดเจน
ผลกระทบต่อค่าเบี้ย
- เพิ่ม 10-30% เช่นเดียวกับการเคลมประกัน ไม่มีคู่กรณี
- เคลมรอบคันหลายจุด อาจเพิ่มสูงกว่าปกติ
- ส่งผลให้ NCB หายหมดในทันที
- บริษัทอาจตีความเป็นความเสี่ยงเชิงพฤติกรรม
เคลมประกัน มีคู่กรณี ถูกนำมาคิดเป็นความเสี่ยงไหม?
การเคลมประกัน มีคู่กรณี โดยที่คุณเป็นฝ่ายถูก จัดเป็นประเภทการเคลมที่ไม่กระทบเบี้ยเลย ไม่ว่าคุณจะเคลมกี่ครั้งต่อปีก็ตาม เพราะบริษัทประกันสามารถเรียกเงินคืนจากคู่กรณี หรือบริษัทประกันของคู่กรณีได้ ไม่ได้เป็นภาระค่าใช้จ่ายของบริษัทประกัน จึงไม่ถูกนำมาคิดประวัติความเสี่ยง
ผลกระทบต่อค่าเบี้ย
- ไม่มีผลกระทบ
- NCB อยู่ครบเหมือนเดิม
- สามารถเคลมกี่ครั้งก็ได้ (ตามความจำเป็น)
อยากลดค่าเบี้ยประกัน ทำยังไงได้บ้าง?
หลังจากทำความเข้าใจมาพอสมควรแล้วว่าเคลมประกันแบบไหน เบี้ยเพิ่ม และคุณกำลังพยายามมองหาวิธีลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์อยู่พอดี มิสเตอร์ คุ้มค่า รวบรวม 3 ทริคที่ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายมาให้แล้ว ตามไปดูกัน
ขอจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเพิ่ม
ขอจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเพิ่ม
หาข้อมูลเบี้ยประกันรถยนต์ และความคุ้มครองที่ดีที่สุด
แต่ละบริษัทมีการนำเสนอค่าเบี้ยประกันในแบบที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ อายุของคนขับ ฯลฯ สมัยนี้ราคาเบี้ยประกันก็หาไม่ยาก วิธีหนึ่งที่สบายสุด ๆ คือ เข้าเว็บไซต์เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ที่ช่วยให้คุณเลือกดูได้ว่าประกันของอะไรคุ้มค่า และเหมาะสมกับคุณมากที่สุด
รักษาสถานะลูกค้าผู้ไม่เคลมประกัน
หากไม่เคลมประกันรถยนต์นาน ๆ บางบริษัทจะมีส่วนลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ให้ ฉะนั้นจึงควรรักษาสถิติขับรถปลอดภัย ไม่เคลมประกันไว้นาน ๆ จะได้เก็บส่วนลดไว้ตลอด แต่ลองดูดี ๆ เพราะส่วนลดพวกนี้บางทีจะติดสัญญา ทำให้คุณเปลี่ยนบริษัทประกัน เวนคืนประกันรถยนต์ได้ยาก
เคลมแห้ง vs เคลมสด ส่งผลต่อค่าเบี้ยมากน้อยแค่ไหน?
ไม่ใช่ตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับ “เบี้ยเพิ่ม-ลด” โดยตรง เพราะสิ่งที่มีผล คือ “ต้นเหตุของความเสียหาย” และผู้ผิด-ถูก ไม่ใช่วิธีการแจ้งเคลม ซึ่งการแจ้งเคลมทั้งสองแบบมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอย่างขัดเจน เพื่อลดความสับสนตาม มิสเตอร์ คุ้มค่า ไปทำความเข้าใจกันเลย
เคลมสด
คือการแจ้งเคลมทันที มีเจ้าหน้าที่มาที่จุดเกิดเหตุ
- หากเป็นฝ่ายผิด เบี้ยเพิ่ม
- หากเป็นฝ่ายถูก เบี้ยคงเดิม (ไม่เพิ่ม)
- ถ้าโดนรถชน ไม่มีคู่กรณี เบี้ยเพิ่มแน่นอน
เคลมแห้ง
คือการแจ้งเคลมหลังเกิดเหตุ ไม่มีเจ้าหน้าที่เดินทางมา ณ ที่เกิดเหตุ
- ถ้าไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีคู่กรณี นับเป็นเคลมประกัน ไม่มีคู่กรณี เบี้ยเพิ่ม
- ถ้ามีหลักฐานว่าถูกชนจริง หรือรถโดนเฉี่ยว มีคู่กรณี เบี้ยไม่เพิ่ม
สรุปง่าย ๆ สำหรับคำถามที่ว่าเคลมประกันแบบไหน เบี้ยเพิ่ม คือ เคลมประกัน ไม่มีคู่กรณี และเคลมประกันรอบคัน (เคลมรอยขีดข่วน) เพราะถือว่าเกิดจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่เอง ขณะที่เคลมกระจกรถและเคลมประกัน มีคู่กรณีแทบไม่มีผลกระทบต่อค่าเบี้ยเลย ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำเรื่องเคลม ควรประเมินค่าซ่อมและความคุ้มค่าให้ดีก่อนตัดสินใจทุกครั้ง เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มค่าและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
คำจำกัดความ
| NCB | ส่วนลดประวัติดี (No Claim Bonus) คือ ส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยที่บริษัทประกันมอบให้กับผู้เอาประกันภัยที่ไม่มีการเคลมหรือแจ้งเคลมค่าเสียหายใดๆ ในรอบปีที่ผ่านมา ส่วนลดนี้จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนปีที่ขับขี่ปลอดภัย ไม่มีอุบัติเหตุหรือการเคลม |
| ความเสี่ยงเชิงพฤติกรรม | พฤติกรรมที่อาจนำไปสู่ผลลัพธ์เชิงลบหรืออันตรายต่อตนเอง ผู้อื่น |
| ปรับเบี้ย | การเปลี่ยนแปลงอัตราค่าเบี้ยประกันภัยให้สูงขึ้น หรือการจ่ายเงินเพิ่ม |



