5 ขั้นตอน อบรม จองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ ต้องทำอะไรบ้าง ?

       การต่อใบขับขี่ออนไลน์ เมื่อใบขับขี่หมดอายุ ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้ “ประหยัดเวลา” ในการเดินทาง และไม่ต้องเสียเวลาไปยืนต่อคิว แถมในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงไปอยู่ในที่ที่แออัด เพียงแค่เข้าเว็บไซต์เพื่อทำการต่ออายุใบขับขี่ ผ่านช่องทางออนไลน์เพียงเท่านั้น และในวันนี้ MrKumka ก็ได้รวบรวมทุกขั้นตอนมาให้คุณแบบละเอียดยิบ หยิบสมาร์ตโฟนของคุณขึ้นมา แล้วต่อใบขับขี่ออนไลน์พร้อม ๆ กันเลย !

1. สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต หรือเครื่องคอมพิวเตอร์

เลือกเครื่องมือที่คุณถนัด เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในการต่ออายุใบขับขี่ ออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ https://www.dlt-elearning.com เนื่องจากการต่อใบขับขี่ผ่านช่องทางออนไลน์ จะต้องทำผ่านระบบ DLT e-learning ซึ่งเป็นระบบของกรมการขนส่งทางบกโดยตรง

2. เตรียมข้อมูล

อาทิ บัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ และวันเดือนปีเกิดเพื่อกรอกข้อมูลบนเว็บไซต์

3. เตรียมเวลา

เวลาในที่นี้คือเวลาในการนั่งฟังการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ แนะนำให้เลือกวันและเวลาที่สะดวก ในส่วนของเวลาการอบรมจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเภทของใบขับขี่

• 1. เข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.dlt-elearning.com
• 2. อบรมครั้งแรกคลิก “ลงทะเบียน” กรอกข้อมูล อาทิ เลขประจำตัวประชาชน เบอร์โทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด เพื่อใช้เป็นรหัสผ่านใช้งาน หลังจากนั้นคลิก “ยืนยันข้อมูล” สำหรับเข้าอบรมครั้งถัดไปคลิก “เข้าสู่ระบบ”
• 3. เริ่มการอบรมโดยการทำ “แบบทดสอบก่อนอบรม” ตามใบขับขี่ที่ต้องการต่ออายุ
• 4. ชมวิดีโอการอบรมจนจบ และทำ “แบบทดสอบหลังอบรม”
• 5. ตรวจสอบหรือบันทึกหน้าจอผลผ่านการอบรม ที่ “ผลการอบรม” เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการต่ออายุใบขับขี่ ภายใน 6 เดือนนับจากผ่านการอบรม

• 1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue
• 2. ลงทะเบียน (สำหรับผู้ที่เคยใช้ครั้งแรก)
  • เลขบัตรประจำตัวประชาชน
  • สร้างรหัสผ่าน
  • เบอร์โทรศัพท์
  • อีเมล
  • LINE ID (ไม่บังคับ)
• 3. กดที่ปุ่มจองคิว
• 4. เข้าสู่ระบบด้วยการกรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน และรหัสผ่านที่ลงทะเบียนไว้
• 5. เลือกสำนักงานขนส่งที่ต้องการจองคิวต่อใบขับขี่
• 6. เลือกประเภทงานบริการเป็น “งานใบอนุญาต”
• 8. เลือกวันที่ต้องการต่อใบขับขี่
• 9. เลือกช่วงเวลาที่ต้องการเข้ารับบริการ จากนั้นกดยืนยันการจอง (แคปหน้าจอไว้เป็นหลักฐาน เพื่อใช้แสดงกับเจ้าหน้าที่เพื่อรับบริการ)

• 1. บัตรประชาชน
• 2. ใบขับขี่ชั่วคราว อายุไม่ต่ำกว่า 1 ปี
• 3. ใบรับรองแพทย์ ยื่นคำขอไม่เกิน 1 เดือน ไม่มีโรคประจำตัวที่อันตรายต่อการขับรถ

ขั้นตอนการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ มีขั้นตอนที่ง่ายและไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด แถมยังสามารถทำได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ฉะนั้นอย่าได้หลงเชื่อในกรณีที่มีผู้จัดหาผลการอบรมออนไลน์ และเรียกเก็บค่าดำเนินการเด็ดขาด ต่อใบขับขี่แล้ว อย่าลืมต่อประกันเพิ่มความอุ่นใจให้กับรถยนต์ของคุณ ด้วยการซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม หากยังไม่รู้จะเลือกซื้อกับที่ไหน สามารถ เช็คเบี้ยประกันออนไลน์ กับ MrKumka ได้แล้ววันนี้ ! รับประกันความพึงพอใจด้วยบริษัทประกันชั้นนำ มีให้เลือกมากกว่า 15 บริษัท คลิกเลย !