สำหรับคนที่ต้องการหารายได้เสริม จากการตามหาวิธีการลงทุนปี 2023 ประเภทต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงทางการเงิน ในยุคที่เศรษฐกิจกำลังดิ่งลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังไม่รู้ว่าควรจะลงทุนในด้านไหนดี ไม่ต้องไปหาข้อมูลจากที่อื่นให้เสียเวลา เพราะ MrKumka ได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ มาให้คุณได้ทำความเข้าใจเรียบร้อยแล้ว แต่จะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามพร้อมๆ กันได้เลย
ในปี 2023 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) รวมถึงธนาคารกลางอื่นๆ เริ่มมีการ “ผ่อนนโยบายการเงิน” หลังจากเห็นผลกระทบต่างๆ ที่เกิดจากนโยบายเหล่านั้น นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงไปถึงเรื่อง “การจัดการพลังงานยุโรป” ซึ่งส่งผลต่อราคาพลังงานในปีนี้ค่อนข้างมาก ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อ “การเงิน” ของทุกคนพอสมควร ดังนั้น MrKumka จึงอยากให้คุณ “เน้นการลงทุนแบบเชิงรับ” เนื่องจากเป็นหนึ่งในการลงทุนที่น่าสนใจมากๆ ในตอนนี้
หลายคนอาจสงสัยว่าการลงทุนแบบเชิงรับ มีอะไรที่สามารถลงทุนได้บ้าง ? ซึ่งเราก็ได้รวบรวมรายละเอียดต่างๆ มาให้คุณได้ทำความเข้าใจก่อนลงทุนแล้ว ไปดูกันเลย
“เงินสด” เป็นสินทรัพย์ที่เคลื่อนไหวแบบไม่ค่อยสัมพันธ์กับสินทรัพย์อื่นๆ แถมยังเป็นส่วนประกอบสำคัญ ที่ควรอยู่ในพอร์ตการลงทุนสินทรัพย์
ในช่วงนี้หลายคนมักหันไปลงทุนหุ้นเป็นจำนวนมาก แม้ว่าในช่วงนี้ความผันผวนจะสูง และมีแนวโน้มว่าจะปรับลงอยู่ตลอดเวลา แต่ก็นับเป็นการลงทุนที่ยัง “ไม่” สะท้อน หรือส่งผลกระทบใดๆ สักเท่าไหร่นัก แถมยังห่างไกลจากคำว่า “หุ้นถูก” อีกไกลโขเลยล่ะ
ในปี 2023 “พันธบัตรรัฐบาล” ถือว่าให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างน่าสนใจ ในกรณีธนาคารต่างๆ หยุดขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งในทางเศรษฐกิจจะตีความหมายว่า “การเติบโตชะลอตัว” เมื่อคุณอยู่ท่ามกลางสภาวะเช่นนี้ล่ะก็ ราคาตราสารหนี้จะขยับขึ้นสูง หากลงทุนด้วยพันธบัตรรัฐบาลในช่วงนี้ อาจช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินได้พอสมควรเลยล่ะ
หรือถ้าหากคุณจะเปลี่ยนไปมองหาประเทศในกลุ่มพันธมิตร (หาประเทศอื่นเป็นห่วงโซ่อุปทานทดแทนจีน) เพื่อลงทุนเพิ่มเติมในปี 2023 ก็นับเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเม็กซิโก แคนาดา บางประเทศในละตินอเมริกา เป็นต้น
ไม่ว่าคุณจะเลือกลงทุนด้วยวิธีการใดๆ ก็ตาม แนะนำให้ วางแผนการเงินและเดินทางไปให้ถึงเป้าหมายอย่างมีระบบ แต่ถ้าหากระหว่างทางมี “โอกาสดี” ผ่านเข้ามา อย่าลืมที่จะฉกฉวยไว้ด้วย แม้ว่าโอกาสนั้นจะห่างไกลจากปลายทางข้างหน้าของคุณเพียงใด แต่อย่างน้อยก็ช่วยลดผลกระทบต่างๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อเช่นเดียวกัน
การขุดเหมือง Bitcoin นับเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่ได้รับความนิยมมานานหลายปี สามารถขุดได้ง่ายๆ ด้วยการใช้ “เครื่องขุด” เปิดเครื่องและตั้งค่า เพียงเท่านี้ก็รอรับ Bitcoin ได้ทันที ดูเหมือนจะเป็นการลงทุนที่ง่ายมากเลยใช่ไหมล่ะ ? แต่อย่าลืมว่า “ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน”
ในความเป็นจริง Bitcoin ถูกออกแบบให้มีทั้งหมด 21 ล้าน Bitcoin เท่านั้น จะไม่สามารถมีมากกว่านี้ได้อีก และมันก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการขุดผ่านเครื่องต่างๆ นั่นเอง หากคุณต้องการลงทุนด้านนี้จริงๆ จำเป็นจะต้องคำนวณความคุ้มค่า ตั้งแต่วินาทีแรกที่จะซื้อเครื่องขุดเลยล่ะ ! โดยเฉพาะ “ระยะเวลาในการคืนทุน” ไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้คุณพลาดท่า หรือขาดทุนได้ง่ายๆ
การขุด Bitcoin ในปัจจุบัน จะใช้การขุดที่มีชื่อเรียกว่า Proof of Work (POW) ซึ่งคล้ายกับการขุดทอง แต่เปลี่ยนมาอยู่ในรูปแบบของ “เครื่องจักร” หรือ “คอมพิวเตอร์” ในการประมวลผลและแก้ไขสมการตัวเลขต่างๆ เพื่อรับสิทธิ์ในการยืนยันธุรกรรม รวมถึงเพิ่ม “บล็อกข้อมูลใหม่” ลงไปใน Blockchain ของ Bitcoin ใครที่สามารถขุดได้ก่อน ก็จะได้รับเหรียญ Bitcoin เป็นผลตอบแทน
สำหรับนักขุดที่อยู่ใน Blockchain จะมี 2 หน้าที่หลักๆ ดังนี้
หรือถ้าหากคุณไม่อยากขุดเอง ก็สามารถเปลี่ยนไป “เทรด Bitcoin” ได้เช่นกัน โดยวิธีการนี้คุณไม่ต้องซื้อเครื่องขุด เพียงแค่เข้าไปที่เว็บไซต์เพื่อสมัคร ยืนยันตัวตน และโอนเงินเข้าไปในเว็บเทรด พร้อมกับซื้อ Bitcoin ก็จะได้รับเหรียญมาครอบครองในทันที !
เป้าหมายของการลงทุนของแต่ละคน คือ “ผลตอบแทนในระยะยาว” ที่มีมูลค่าสูงมากๆ ใช่ไหมล่ะ แต่ก่อนอื่นคุณจะต้องทำความเข้าใจ “ระหว่างทาง” ของการลงทุนให้ดี เพราะถ้าหากคุณฝืนตรงดิ่งไปที่ปลายทางเลยล่ะก็ อาจจะหลงทางหรือเกิดเหตุไม่คาดฝันได้ง่ายๆ แต่จะต้องรู้อะไรบ้าง ? ไปดูกันเลย !
ระยะเวลาการลงทุนในที่นี้ หมายรวมถึง “ระยะเวลาในการคืนทุน” ด้วยเช่นกัน การลงทุนไม่ใช่แค่เพียงการประคองให้ธุรกิจอยู่รอดไปวันๆ แต่จะต้องคำนึงถึง “ผลกำไร” ที่จะได้รับ หลังจากที่หัก “ทุนก้อนแรก” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เช่น ลงทุน 1,000,000 บาท ใช้เวลา 3 ปี ในการคืนทุน ในส่วนนี้ส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ หรือเป็นสัดส่วนที่คุณรับไหวหรือเปล่า
นอกจากนี้ยังจะต้องคำนึงถึง “ความเสี่ยงทางการเงิน” ที่อาจจะทำให้ระยะเวลาคืนทุนขยายออกไปอีกเรื่อยๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อถึงตอนนั้นคุณจะสามารถรับมือ หรือแก้ไขสถานการณ์ได้หรือไม่ อย่าลืมคิดในส่วนนี้เอาไว้ด้วยล่ะ !
นอกจากการคำนวณระยะเวลาในการลงทุน และระยะเวลาในการคืนทุนแล้ว อย่าลืมศึกษาผลตอบแทนที่จะได้รับด้วยเช่นกัน คงจะไม่ดีแน่หากธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ แต่ได้รับผลตอบแทนเพียงน้อยนิด ไม่คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่เสียไปแม้แต่น้อย ถ้าเป็นแบบนั้นแนะนำการลงทุนอื่นๆ จะดีกว่า เพราะถึงแม้ว่าความสำเร็จจะใช้เวลา แต่ถ้าหากใช้เวลานานเกินไป อาจจะทำให้ไม่ได้รับอะไรกลับคืนมาแม้แต่น้อย
ระดับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น มักเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คุณตัดสินใจได้ง่ายกว่าเดิม ว่าควรลงทุนในด้านไหนมากที่สุดในตอนนี้ หากการลงทุนที่คุณสนใจ มีระดับความเสี่ยงที่พอรับไหว หรือรับได้สบายๆ ก็นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางการลงทุน ที่ไม่ควรปล่อยผ่านไปอย่างน่าเสียดาย แต่ถ้าหากการลงทุนที่คุณสนใจมากๆ มีความเสี่ยงสูง ก็อย่าได้คิดดันทุรังลงทุนเด็ดขาด เพราะอาจจะพบเจอกับความผิดหวังที่ทำให้คุณเสียศูนย์ได้
“สภาพคล่อง” นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้าม หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการลงทุน ที่สามารถ “เข้าถึงเงินสดได้อย่างรวดเร็ว” แนะนำการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง เช่น หุ้น คริปโต หรือกองทุนดัชนี แต่ถ้าหากคุณต้องการลงทุนระยะยาว การลงทุนตราสารหนี้และอสังหาริมทรัพย์ นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน เพียงแต่จะใช้ระยะเวลาที่นานกว่าเท่านั้น
ทั้งหมดนี้ก็คือ “หัวใจสำคัญ” ของการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ที่ผู้ลงทุนหน้าใหม่ทุกคน จำเป็นจะต้องทำความเข้าใจ และคำนวณปัจจัยต่างๆ ให้ดี ก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะถ้าหากคิดแค่ว่าลงทุนให้ได้ผลตอบแทนไปวันๆ โดยไม่คำนวณถึงความเสี่ยงทางการเงิน หรือปัจจัยอื่นๆ อย่างถี่ถ้วน คุณอาจจะต้องมองหาการลงทุนใหม่ในเร็วๆ นี้ก็เป็นได้
ซึ่งในปี 2023 บอกเลยว่าการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ได้รับความสนใจค่อนข้างมาก แต่ถ้าหากคุณสนใจแต่ไม่มีเงินก้อนมาลงทุน “รถยนต์” ช่วยได้ ! เพียงแค่นำรถยนต์คู่ใจของคุณมาเปลี่ยนเป็นเงินสด จากการขอ “สินเชื่อรถยนต์” ก็สามารถนำไปต่อยอดการลงทุนได้ตามต้องการแล้ว แต่ถ้าหากไม่รู้จะไปขอสินเชื่อกับที่ไหน ให้ตอบโจทย์ได้มากที่สุด ไว้ใจให้ MrKumka เลือกสรรผู้ให้บริการดีที่สุดให้คุณได้แล้ววันนี้ เปรียบเทียบสินเชื่อรถยนต์ออนไลน์ เพียงแค่คลิก!
เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่