บุคคลธรรมดา หรือพนักงานประจำ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามกฎหมาย แถมยังสามารถปฏิบัติตามข้อกฎหมายว่าด้วย “การลดหย่อนภาษี” ได้อีกด้วย ซึ่งการลดหย่อนภาษี มีอะไรบ้าง ? ให้ผลประโยชน์เพิ่มเติมได้มากแค่ไหน ? MrKumka ได้รวบรวมรายละเอียดที่เป็นประโยชน์มาให้แล้ว สำหรับพนักงานประจำ ไปทำความเข้าใจพร้อม ๆ กันเลย
เชื่อว่ามนุษย์เงินเดือน ที่อยู่ในวัยทำงานหรือบุคคลธรรมดาที่มีรายได้หลายคน คงเกิดความสงสัยอยู่ไม่น้อย ว่าสามารถ “ลดย่อนภาษีอะไรได้บ้าง” เราได้ลิสต์มาให้แล้ว ดังต่อไปนี้
ดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท
ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับโครงการช้อปดีมีคืน 2565 สำหรับค่าซื้อสินค้าและบริการในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2565 ตามที่จ่ายจริง โดยสินค้าและบริการที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ได้แก่ สินค้าและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT), สินค้า OTOP และสินค้าหมวดหนังสือ (รวม E-Book)
กรณีที่เป็น “มนุษย์เงินเดือน” ที่มีเงินได้ ปกติจะต้องยื่นแบบแสดงรายการ ปีละ 1 ครั้ง ภายในวันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดไป ยกเว้นเงินได้บางลักษณะ เช่น เงินได้จากวิชาชีพอิสระ เงินได้จากธุรกิจ การพาณิชย์ การให้เช่าทรัพย์สิน เงินได้จากการรับเหมา ฯลฯ จะต้องยื่นแบบฯ ตอนกลางปี (สำหรับเงินได้ที่เกิดขึ้นใน 6 เดือนแรก ภายในเดือนกันยายนของทุกปี)
สำหรับ “เกณฑ์เงินได้พึงประเมินขั้นต่ำ” ที่ผู้มีเงินได้ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี สำหรับคนโสดและคนที่สมรสแล้ว มีหลักเกณฑ์ดังนี้
ประเภทเงินได้ | รายได้ต่อเดือน | รายได้ทั้งปี |
---|---|---|
เงินเดือน | 10,000 บาท | 120,000 บาท |
เงินได้ประเภทอื่น | 5,000 บาท | 60,000 บาท |
ประเภทเงินได้ | รายได้ต่อเดือน | รายได้ทั้งปี |
---|---|---|
เงินเดือน | 18,333 บาท | 220,000 บาท |
เงินได้ประเภทอื่น | 10,000 บาท | 120,000 บาท |
เงินได้สุทธิ (บาท) | อัตราภาษี | ภาษีในแต่ละขั้น |
---|---|---|
1 – 150,000 | ได้รับยกเว้นภาษี | – |
150,001 – 300,000 | 5% | 7,500 |
300,001 – 500,000 | 10% | 20,000 |
500,001 – 750,000 | 15% | 37,500 |
750,001 – 1,000,000 | 20% | 50,000 |
1,000,001 – 2,000,000 | 25% | 250,000 |
2,000,001 – 5,000,000 | 30% | 900,000 |
5,000,001 บาทขึ้นไป | 35% | – |
สูตร: รายได้ทั้งปี – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ
สูตร: (เงินได้สุทธิ – เงินได้สุทธิสูงสุดของขั้นก่อนหน้า) x อัตราภาษี + ภาษีขั้นบันไดก่อนหน้าสูงสุด = ภาษีที่ต้องจ่าย
ยกตัวอย่าง: มีรายได้จากเงินเดือน 50,000 บาท รวมทั้งปี 600,000 บาท สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 100,000 บาท ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท และค่าลดหย่อนจากประกันสังคม 6,300 บาท (ปกติสูงสุด 9,000 บาท)แต่ในปีภาษี 2565 รัฐบาลมีการปรับลดอัตราเงินสมทบประกันสังคม มาตรา 33 จำนวน 2 ครั้ง เหลือเพียง 6,300 บาท
จะได้ “เงินสุทธิ” เท่ากับ 600,000 – 100,000 – 60,000 – 6,300 = 433,700 บาท จากนั้นให้นำเงินได้สุทธิไปเทียบกับอัตราภาษีแบบขั้นบันได ซึ่งจะอยู่ระหว่างฐาน 300,001 – 500,000 บาท อัตราภาษี 10%
หมายความว่า “ภาษีที่ต้องจ่าย” เท่ากับ (433,700 – 300,000) x 10% + 7,500 = 20, 870 บาทนั่นเอง
จะเห็นได้ว่าในปี พ.ศ.2566 มี “รายการลดหย่อนภาษีขั้นพื้นฐาน” มากมาย บางทีลดหย่อนไปลดหย่อนมา อาจไม่ต้องเสียภาษีเลยด้วยซ้ำ สำหรับคนที่มีเงินได้สูง รายการลดหย่อนภาษีเหล่านี้ ก็ยังช่วยให้ “ประหยัดภาษี” ได้มากขึ้นอีกด้วย ดังนั้นก่อนยื่นแบบภาษีหรือจ่ายภาษีอย่าลืมลดหย่อนภาษีกันด้วยล่ะ !
เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่