เข้าสู่ยุคที่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กลายมาเป็น “ทางเลือกหลัก” ของครอบครัวไทย รู้หรือไม่ว่าหลายบ้านมีรถคันเดียวแต่ใช้ร่วมกันทั้งพ่อ แม่ ลูก หรือแม้แต่สมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัว ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก หนึ่งสิ่งที่หลายคนมักมองข้ามไปใน เงื่อนไขประกันรถไฟฟ้า ว่าจะคุ้มครองผู้ขับขี่ทุกคนหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีที่ไม่ใช่เจ้าของรถเองแต่ใช้ขับขี่หลายคน มิสเตอร์ คุ้มค่า รวมทุกประเด็นที่ควรรู้เกี่ยวกับประกันรถ EV ตามไปเจาะลึกประเด็นความคุ้มครองประกัน นี้พร้อม ๆ กันได้เลย
ประกันรถไฟฟ้าแตกต่างจากรถทั่วไปหรือไม่?
ต่างกัน แม้ว่าประกันรถไฟฟ้าจะอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์เดียวกับประกันรถยนต์ทั่วไป ที่ คปภ. กำหนด แต่ก็มีรายละเอียดเฉพาะที่แตกต่าง เนื่องจากลักษณะทางเทคนิคของรถ EV ไม่เหมือนรถเครื่องยนต์น้ำมัน ดังนี้
1. แยกความคุ้มครองแบตเตอรี่
แบตเตอรี่ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญและมีมูลค่าสูง ดังนั้นประกันรถ EV จะระบุวงเงินคุ้มครองแบตเตอรี่แยกออกจากตัวรถ ซึ่งจะลดลงตามอายุของรถ เช่น 100% ในปีแรก, 90% ในปีที่ 2 โดยจะลดลงปีละ 10% จนถึง 50% เมื่ออายุมากกว่า 5 ปี
2. ต้องระบุผู้ขับขี่
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2567 เงื่อนไขประกันรถไฟฟ้ากำหนดว่าต้องระบุชื่อผู้ขับขี่ ซึ่งระบุได้สูงสุด 5 คน (ปกติเกิน 2 คนต้องแนบเพิ่มในเอกสาร) หากมีอุบัติเหตุโดยผู้ขับขี่ที่ไม่ระบุ จำเป็นจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกก่อน ถึงจะสามารถเคลมประกันได้
3. คุ้มครองอุปกรณ์ชาร์จไฟที่บ้านและแบบส่วนบุคคล
กรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ไฟไหม้ เครื่องชาร์จเสียหาย สูญหาย ก็จะได้รับความคุ้มครองเพิ่มตามองค์ประกอบที่ระบุไว้ในเงื่อนไขประกันรถไฟฟ้า
4. บริการช่วยเหลือฉุกเฉินเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า
ปกติกรมธรรม์ประกันรถยนต์ไฟฟ้าชั้น 1 มักรวมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน เช่น แบตหมด, บริการลากรถ EV โดยเฉพาะ และรถเสียขณะชาร์จ
5. เบี้ยประกันสูงขึ้น
ค่าเบี้ยของรถยนต์ไฟฟ้าจะพิจารณาจากมูลค่ารถ แบตเตอรี่ และลักษณะการใช้งาน โดยทั่วไปแล้วจะมีราคาสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป แนะนำว่าก่อนซื้อควรเปรียบเทียบแผนสำหรับประกันรถไฟฟ้าให้ดีก่อน เพื่อความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ และค่าเบี้ยที่สบายกระเป๋า
ใช้รถไฟฟ้าร่วมกันได้ไหม? ประกันคุ้มครองทุกคนหรือเปล่า?
ใช้รถไฟฟ้าร่วมกันได้ และประกันจะให้ความคุ้มครองทุกคน แต่อาจมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป เพราะอย่างที่บอกไปก่อนหน้าแล้วว่า “ประกันรถยนต์ไฟฟ้ากำหนดให้ระบุผู้ขับขี่” เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน มิสเตอร์ คุ้มค่า จะแบ่งออกเป็น 2 หัวข้อเพื่อให้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้
กรณีผู้ขับร่วมไม่ได้ระบุชื่อ
- เมื่อเกิดอุบัติเหตุ แล้วเป็นฝ่ายผิด ผู้ขับขี่ที่ไม่ได้ระบุชื่อต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก ประมาณ 6,000-8,000 บาทต่อเหตุการณ์
- หากเป็นฝ่ายถูก ประกันจะจ่ายตามความคุ้มครองโดยไม่หัก
ความคุ้มครองสำหรับประกันประเภทต่าง ๆ
- ประกันชั้น 1: ครอบคลุมมากที่สุด ทั้งกรณีมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี รวมถึงค่าซ่อมรถ, ค่ารักษาพยาบาล, ค่าสินไหมบุคคลภายนอก, ค่าแบตเตอรี่, อุปกรณ์ชาร์จ และบริการฉุกเฉิน
- ประกันชั้น 2+: คุ้มครองเมื่อชนกับยานพาหนะเท่านั้น ในส่วนของแบตเตอรี่จะให้ความคุ้มครองเฉพาะกรณีไฟไหม้หรือโจรกรรม ไม่ใช่อุบัติเหตุทั่วไป
- ประกันชั้น 3+ หรือชั้น 3: ไม่คุ้มครองแบตเตอรี่เลย และหากเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี คุณจะต้องรับผิดชอบค่าซ่อมเอง
ใช้รถร่วมกันทั้งบ้าน ซื้อประกันแบบไหนถึงจะคุ้มค่า?
บ้านที่อยู่ในเมืองหรือมีพื้นที่จำกัด การมีรถยนต์คันเดียวแล้วใช้งานร่วมกันถือเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนละเลยคือเรื่องของ “ประกันรถยนต์” เพราะการสลับการใช้งานอาจส่งผลต่อความคุ้มครอง โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้ระบุผู้ขับขี่อย่างถูกต้อง แล้วแบบนี้จะต้องเลือกซื้อประกันแบบไหนให้ตอบโจทย์? มิสเตอร์ คุ้มค่า หาคำตอบมาให้แล้ว
1. ระบุผู้ขับขี่ให้ครบทุกคน (ที่ใช้งานจริง)
เพื่อป้องกันปัญหา “ปฏิเสธความคุ้มครอง หรือหักค่าเสียหายส่วนแรก” หากผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุไม่ได้ระบุชื่อในกรมธรรม์ แนะนำว่าควรแจ้งบริษัทประกันและเพิ่มชื่อผู้ขับขี่ กรณีที่ขับหลายคน (เกินกว่าที่กรมธรรม์รองรับ) อาจต้องจัดทำเอกสารแนบเสริม
2. เลือกประกันประเภทที่เหมาะสมกับการใช้งาน
ตัวอย่างเช่น หากครอบครัวของคุณใช้รถบ่อย และต้องการความสบายใจอย่างเต็มที่ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด แต่ถ้างบประมาณจำกัด ใช้รถน้อย และยอมรับความคุ้มครองที่ลดลงได้ ประกันรถยนต์ชั้น 2+ หรือ 3+ อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
3. เลือกแผนที่รวมความคุ้มครองแบตเตอรี่และอุปกรณ์ชาร์จ
การเลือกกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองส่วนนี้ จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดความเสียหายจากแบตเตอรี่ หรืออุปกรณ์ชาร์จที่บ้านได้มาก เพราะแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า EV มีราคาค่อนข้างสูง หากต้องเปลี่ยนใหม่ขึ้นมารับรองว่ามีหนาว
4. ตรวจสอบบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน
บริการช่วยเหลือฉุกเฉินจะช่วยให้ครอบครัวอุ่นใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น แบตเตอรี่หมด รถเสียระหว่างทาง โดยเฉพาะในรถยนต์ไฟฟ้าที่อาจมีความซับซ้อนในการแก้ไข
อะไรบ้าง ที่ประกันรถยนต์ไฟฟ้า (ฉบับใหม่) ไม่คุ้มครอง?
ประกันรถยนต์ไฟฟ้าฉบับใหม่ นอกจากจะมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขประกันรถไฟฟ้า เพิ่มความคุ้มครองแล้ว ยังเพิ่มในส่วนข้อยกเว้นความคุ้มครองเข้ามาด้วย ซึ่งสิ่งที่ประกันไม่ให้ความคุ้มครองมีดังนี้
- ไม่ให้ความคุ้มครองความเสียหายของเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล ที่ไม่ได้มาจากโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนั้น ๆ
- ไม่ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากปัจจัยภายนอก ที่มีผลต่อระบบปฏิบัติการที่ใช้ควบคุมการทำงานของรถยนต์
นายสิรวิชญ์ ฉายะวาณิชย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยรถยนต์ เปิดเผยว่า “สิ่งที่ประกันเกณฑ์ใหม่ไม่คุ้มครองหรือยกเว้น คือ ข้อผิดพลาดของ Software ประกันไม่รับผิดชอบเพราะการประกันภัยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันความผิดพลาด และคุ้มครองอุบัติเหตุที่เกิดจากมนุษย์ รวมถึงมีการตกแต่งหรือดัดแปลง software ก็ไม่เข้าข่ายความคุ้มครอง แม้จะเสียมาตั้งแต่โรงงานก็ยกเว้นด้วย” (ที่มา: เปิดเกณฑ์ใหม่ประกันภัย "รถไฟฟ้า" อะไร? ที่ไม่คุ้มครอง)
ข้อควรรู้ก่อนแชร์รถให้คนอื่นขับ
ขอย้ำอีกครั้งว่าการแชร์รถให้คนอื่นขับ ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ในแง่ของประกันอาจไม่ใช่เรื่องเล็ก โดยเฉพาะเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วพบว่า “ชื่อผู้ขับไม่ได้อยู่ในกรมธรรม์” หรือ “ไม่มีใบขับขี่ที่ถูกต้อง” ดังนั้นก่อนที่คุณจะให้ใครขับรถ ควรรู้เงื่อนไข ข้อจำกัด และสิ่งที่ควรระวังให้ดีก่อน ดังนี้
- ตรวจสอบชื่อผู้ขับในกรมธรรม์: ถ้าแชร์กันประจำควรระบุชื่อไว้ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเสียค่าเสียหายส่วนแรก (deductible) ได้
- ผู้ขับต้องมีใบขับขี่: รวมถึงมีประวัติการขับขี่ที่ดีด้วย เพราะประกันจะเช็กประวัติทุกคน หากประวัติดีมีอาจได้ส่วนลดสูงสุดถึง 40%
- กรณีผู้ขับขี่ทำผิดกฎหมาย: เช่น เมาแล้วขับ ไม่มีใบขับขี่ มีพฤติกรรมเสี่ยงต่ออุบัติเหตุอาจถูกปฏิเสธความคุ้มครอง แม้ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ที่ระบุชื่อไว้ก็ตาม
- อ่านข้อยกเว้นความคุ้มครองอย่างชัดเจน: เช่น เอารถไปลุยน้ำท่วมโดยเจตนา บริษัทจะปฏิเสธเคลม เป็นต้น
- อัตราค่าเบี้ย: จะแตกต่างเมื่อมีผู้ขับขี่หลายคน ปัจจัยที่มีผลในการคำนวณอัตราเบี้ย เช่น พฤติกรรมการขับขี่ และประวัติการใช้รถ
- ตรวจสอบว่าเป็นรถส่วนบุคคล: ประกันรถยนต์ EV ส่วนใหญ่จะไม่รับ หากเอารถไปใช้ในเชิงพาณิชย์ เช่น Grab หรือปล่อยเช่า
ไม่อยากเสี่ยงหรือปวดหัวกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมา โดยเฉพาะเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน หากแชร์รถกันบ่อยอยู่แล้ว แนะนำให้ทำประกันระบุผู้ขับขี่อย่างถูกต้อง รวมถึงเช็กข้อยกเว้นกรมธรรม์ให้ดี ว่าแบบไหนประกันคุ้มครอง แบบไหนเสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธการเคลม รวมถึงทำความเข้าใจประเด็นกฎหมายการยืมรถเอาไว้หน่อย เพื่อไม่ให้การแชร์รถของคุณกลายเป็นภาระในภายหลัง
การใช้รถไฟฟ้า EV ร่วมในครอบครัวหรือในกลุ่มคนใกล้ชิด เพื่อนสนิท สามารถทำได้ไม่ใช่เรื่องผิด หากมีการวางแผนเรื่องประกันอย่างถูกต้อง เช็กเงื่อนไขประกันรถไฟฟ้าให้ดี ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มครองประกันและข้อยกเว้นต่าง ๆ รวมถึงการเช็คประกัน คปภ. ฉบับใหม่อย่างถี่ถ้วน เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้คุณไม่ต้องจ่ายเองในเวลาที่ไม่ควรต้องจ่าย
คำจำกัดความ
เอกสารแนบเสริม | เอกสารที่ถูกแนบเพิ่มเติมจากเอกสารหลัก เพื่อให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องหรือรายละเอียดเพิ่มเติมที่จำเป็นสำหรับเอกสารหลักนั้นๆ |
ปัจจัยภายนอก | สภาพแวดล้อมหรือตัวแปรต่างๆ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม |
ข้อยกเว้นกรมธรรม์ | เงื่อนไขหรือเหตุการณ์ที่บริษัทประกันภัยไม่ได้ให้ความคุ้มครองตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ |