ราคาน้ำมันผันผวนคือสิ่งที่ “ร้ายต่อใจ” ของคนใช้รถน้ำมัน แถมเทรนด์รถยนต์ที่ใช้ “พลังงานทางเลือก” ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ทั้งรถติดแก๊ส รถไฟฟ้า (EV) ล้วนเป็นตัวเลือกที่หลายคนหันมาพิจารณาอย่างจริงจัง คำถามคือท่ามกลางกระแสรถยนต์ไฟฟ้าขณะนี้ รถยนต์ติดแก๊สยังคุ้มค่าอยู่ไหม? และหากใช้แล้วจะมีผลต่อการเคลมประกันรถยนต์อย่างไร? มิสเตอร์ คุ้มค่า จะพาคุณไปเจาะลึก พร้อมเปรียบเทียบรถไฟฟ้า ข้อดี ข้อเสีย รวมถึงเงื่อนไขกรมธรรม์ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ
รถยนต์ติดแก๊ส คืออะไร?
คือ รถยนต์ที่มีการติดตั้งระบบใช้พลังงานทางเลือก เช่น LPG (Liquefied Petroleum Gas) หรือ NGV (Natural Gas for Vehicle) เพิ่มเติมจากระบบเชื้อเพลิงเดิมอย่างเบนซินหรือดีเซล ซึ่งการเลือกใช้งานรถติดแก๊ส ถือเป็นหนึ่งในวิธีลดค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดี โดยเฉพาะกับคนที่ใช้รถเป็นประจำทุกวัน และยังมีจุดเด่นอีกมากมาย ดังนี้
- เติมแก๊ส 1 ถัง ถูกกว่าน้ำมันเป็นเท่าตัว
- ระบบสามารถสลับระหว่างน้ำมันกับแก๊สได้
- มีศูนย์ติดตั้งและศูนย์รองรับเป็นจำนวนมาก
เมื่อก่อนรถยนต์ติดแก๊สถือว่าเป็นที่นิยมมาก ๆ ไม่ว่าใครก็ต่างนำรถยนต์ของตัวเอง ไปติดตั้งพลังงานทางเลือก เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายกันทั้งนั้น แต่ในยุคนี้ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ไหม? และถ้าคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่สนใจหรือกำลังลังเล ตามไปดูข้อดีและข้อจำกัดด้านล่างกันได้เลย
ข้อดีและข้อจำกัดของรถยนต์ติดแก๊ส มีอะไรบ้าง?
ไม่ว่าพลังงานทางเลือกชนิดไหน ล้วนมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันออกไป หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังค้นหาข้อมูลในเรื่องนี้ มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้รวบรวมข้อดีและข้อจำกัดของรถติดแก๊สมาให้ทำความเข้าใจเพิ่มเติม โดยมีรายละเอียดดังนี้
ข้อดีของรถติดแก๊ส
- ประหยัดค่าใช้จ่าย: ค่าเชื้อเพลิงถูกกว่าน้ำมันเฉลี่ย 30-35%
- สามารถใช้ได้ 2 ระบบ: ขับต่อได้แม้แก๊สหมด เพียงเปลี่ยนกลับไปใช้น้ำมัน
- ทางเลือกที่เหมาะกับรถยนต์ใช้งานหนัก: เช่น แท็กซี่ รถขนส่ง หรือผู้ที่ต้องเดินทางไกลเป็นประจำ
ข้อเสียของรถติดแก๊ส
- ต้องตรวจสอบถังแก๊สสม่ำเสมอ: ถังแก๊สต้องมีอายุไม่เกิน 10 ปี และต้องตรวจถังทุก 5 ปี (ตามข้อกำหนดกรมขนส่ง)
- พื้นที่เก็บสัมภาระลดลง: เพราะถังแก๊สมักติดตั้งในกระโปรงหลัง ทำให้พื้นที่เก็บของลดลง
- เสี่ยงมาก หากติดตั้งไม่ได้มาตรฐาน: หากใช้ศูนย์ที่ไม่มีใบรับรอง อาจเกิดความไม่ปลอดภัย และมีผลต่อการเคลมประกันรถยนต์
- มีค่าบำรุงรักษาเพิ่มเติม: เนื่องจากระบบแก๊สมีชิ้นส่วนเฉพาะ เช่น หัวฉีด แรงดันแก๊ส ท่อเชื้อเพลิง ฯลฯ ที่ต้องตรวจเช็กเพิ่มเติม
ในยุคเปลี่ยนผ่านพลังงาน รถไฟฟ้า EV ข้อดี ข้อเสียเป็นยังไง?
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึง “พลังงานทางเลือก” ไม่สามารถมองข้ามรถไฟฟ้า (EV) ได้เลย ซึ่งรถยนต์ประเภทดังกล่าวได้กลายเป็นเทรนด์หลัก ที่ทางรัฐบาลและค่ายรถต่าง ๆ ผลักดัน โดยมีข้อดีและข้อจำกัดที่น่าสนใจ ดังนี้
ข้อดีของรถไฟฟ้า
- ไม่มีควันพิษ ลดมลภาวะ PM 2.5
- ค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรต่ำกว่าทุกเชื้อเพลิง
- เครื่องยนต์เงียบ การเร่งตอบสนองเร็ว
- ค่า Maintenance ต่ำ ไม่มีน้ำมันเครื่อง เกียร์ หรือหัวเทียน
ข้อจำกัดของรถไฟฟ้า
- ราคาเริ่มต้นสูงกว่า
- สถานีชาร์จยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่
- ใช้เวลาชาร์จนานกว่าการเติมน้ำมันหรือแก๊ส
- อายุแบตเตอรี่จำกัด (ประมาณ 8 ปี) หากต้องเปลี่ยนอาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักแสน
เงื่อนไขกรมธรรม์ รถติดแก๊ส vs รถไฟฟ้า ต่างกันยังไง?
ทำความเข้าใจก่อนว่าเงื่อนไขกรมธรรม์ หรือก็คือ “ข้อกำหนด” ในประกันรถยนต์ มีผลโดยตรงต่อการคุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งรถยนต์ทั้ง 2 ประเภท ต่างมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป ดังรายละเอียดต่อไปนี้
รถยนต์ติดแก๊ส
- ต้องแจ้งบริษัทประกันว่าติดตั้งแก๊ส พร้อมเอกสารใบรับรองจากกรมขนส่ง
- ถังแก๊สต้องผ่านการตรวจสภาพ และยังไม่หมดอายุ
- หากไม่แจ้ง อาจไม่ได้รับความคุ้มครองเมื่อเคลมประกัน
- เบี้ยประกันอาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (ในบางบริษัท)
รถไฟฟ้า
- ต้องใช้ประกันที่รองรับอุปกรณ์ไฟฟ้าเฉพาะทาง เช่น แบตเตอรี่ อินเวอร์เตอร์ มอเตอร์
- มีเงื่อนไขเฉพาะในการเคลม เช่น ความเสียหายจากระบบชาร์จไฟ
- บริษัทประกันบางแห่งยังไม่มีความเชี่ยวชาญเรื่อง EV มากเท่ารถยนต์ทั่วไป
ไม่ว่าคุณจะใช้งานรถยนต์ประเภทไหน ทั้งรถติดแก๊ส รถยนต์ทั่วไป หรือรถไฟฟ้า เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่า ตอบโจทย์ ก่อนตัดสินใจต่อประกัน ควรเปรียบเทียบกรมธรรม์เพื่อหาความคุ้มครองที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง แนะนำให้เช็กจากหลาย ๆ เจ้า เพื่อให้คุณได้แผนประกันที่ดีที่สุด โดยสามารถเข้ามาเช็กเงื่อนไขกรมธรรม์ได้ที่เว็บไซต์ มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
รถติดแก๊สแบบไหน ที่ประกันรถยนต์จะไม่คุ้มครอง?
สำหรับรถยนต์ติดแก๊สก็มี ‘บางกรณี’ ที่ทางบริษัทประกันรถยนต์จะไม่ให้ความคุ้มครอง เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน และเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคต ตามไปเช็คประกันรถยนต์ ในส่วนเงื่อนไขกรมธรรม์ของรถติดแก๊สเพิ่มเติมกันเลยดีกว่า
- ไม่คุ้มครองรถติดแก๊สที่ตัวถังไม่มีคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน มอก. หรือมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
- ผู้เอาประกันภัยติดตั้งแก๊สหลังจากที่ทำประกันรถยนต์แล้ว และไม่มีการส่งเอกสารแจ้งบริษัท
- ไม่ได้แจ้งข้อมูลแก่กรมขนส่งทางบกหลังจากนำรถไปติดแก๊สแล้ว (ในกรณีนี้บริษัทประกันก็จะไม่ให้ความคุ้มครองเช่นเดียวกัน)
หากคุณไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องกังวลว่าพรุ่งนี้น้ำมันขึ้นไหม เลยอยากเปลี่ยนมาติดแก๊สให้มันจบ ๆ ยังมีกรณีอื่น ๆ ที่ทางบริษัทประกันไม่ให้ความคุ้มครอง หรือมีสิทธิ์ปฏิเสธการเคลมประกันรถยนต์ได้ที่ควรทำความเข้าใจเพิ่มเติม โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในแต่ละกรมธรรม์ แนะนำให้สอบถามไปยังบริษัทเกี่ยวกับกรมธรรม์นั้น ๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง
การเคลมประกันรถยนต์ รถติดแก๊สและรถไฟฟ้าต่างกันไหม?
ค่อนข้างต่างกันพอสมควร เพราะรถยนต์ทั้งสองประเภทมี “ระบบ” ที่ต่างกัน เงื่อนไขกรมธรรม์ก็ต่าง ส่งผลให้การเคลมประกันรถยนต์ไม่เหมือนกันตามไปด้วย โดยการเคลมประกันของรถยนต์ทั้งสองประเภท มีรายละเอียดดังนี้
รถติดแก๊ส
- หากเกิดอุบัติเหตุหรือไฟไหม้ ต้องพิสูจน์ว่า “ระบบแก๊สติดตั้งอย่างถูกต้อง”
- บริษัทประกันจะตรวจสอบว่าเป็นอุบัติเหตุจากระบบ หรือจากปัจจัยภายนอก
- ถ้าไม่แจ้งว่าติดแก๊สไว้ในกรมธรรม์ อาจถูกปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหม
รถยนต์ไฟฟ้า
- การซ่อมต้องดำเนินการผ่าน “ศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตจากผู้ผลิต” ด้วยข้อจำกัดนี้ทำให้ราคาประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ทุกบริษัทค่อนข้างสูงพอสมควร
- ชิ้นส่วนไฟฟ้ามีมูลค่าสูง การเคลมอาจใช้เวลานานกว่าปกติ
- ควรตรวจสอบว่าประกันครอบคลุมอุปกรณ์หลักของระบบไฟฟ้าหรือไม่
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่เดินทางไกลเป็นประจำ และมองหาความคุ้มค่าทันที การเลือกรถติดแก๊สเป็นทางเลือกที่ประหยัดและใช้งานได้ดีในปี 2025 โดยเฉพาะหากคุณดูแลระบบให้ปลอดภัยและมีเอกสารครบ แต่ในทางกลับกันหากคุณต้องการเทคโนโลยีใหม่ เน้นขับในเมือง รถไฟฟ้าอาจตอบโจทย์กว่า แต่ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน สิ่งสำคัญคือต้องทำประกันรถยนต์ที่เหมาะสม และเข้าใจเงื่อนไขกรมธรรม์ เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองเต็มที่ทุกสถานการณ์
คำจำกัดความ
พลังงานทางเลือก | แหล่งพลังงานที่ใช้ทดแทนพลังงานแบบดั้งเดิม |
ค่า Maintenance | ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและซ่อมแซมทรัพย์สินเพื่อให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ |
มาตรฐาน มอก. | ข้อกำหนดทางวิชาการที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) ได้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ผลิตในการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพในระดับที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด |