เมื่อต้องการซื้อขายรถมีหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญมาก ๆ และไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาด คือ ขั้นตอนการการโอนรถเปลี่ยนเจ้าของ เพื่อให้การเปลี่ยนกรรมสิทธิ์เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทะเบียนรถหรือเรื่องการเปลี่ยนชื่อผู้เอาประกันภัยรถยนต์ มิสเตอร์ คุ้มค่า จะพาไปรู้จักขั้นตอนการโอนรถ ค่าโอนรถยนต์ รวมถึงพาหาคำตอบรถยังไม่ได้โอน ทําประกันได้ไหม เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย
การโอนรถเปลี่ยนเจ้าของ คืออะไร?
คือ การเปลี่ยนชื่อในทะเบียนให้เป็นของผู้ซื้อ หรือผู้รับรถอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้ผู้ซื้อมีสิทธิ์ครอบครองรถอย่างสมบูรณ์ รวมถึงใช้เป็นหลักฐานทางกฎหมายในการถือกรรมสิทธิ์ ป้องกันการถูกสวมทะเบียน นำมาก่อเหตุอาชญากรรม นอกจากนี้ยังถือเป็น “เงื่อนไขสำคัญ ในการทำประกันภัยชื่อใหม่” อีกด้วย โดยจะต้องทำการโอนรถเมื่อไหร่ เราหาคำตอบมาให้แล้ว ดังนี้
- เมื่อการซื้อ-ขายรถเสร็จสมบูรณ์
- เมื่อมอบรถให้ญาติ หรือบุคคลอื่นเพื่อใช้งานแบบถาวร
- เมื่อรับรถมาจากมรดก หรือของแถมจากบริษัท
ขั้นตอนการโอนรถเปลี่ยนเจ้าของ มีอะไรบ้าง?
ไม่ว่าคุณจะต้องการซื้อ-ขายรถ ได้รับมรดก หรือส่งต่อรถให้ใครใช้เป็นการถาวร จำเป็นต้องทำตามขั้นตอนการโอนรถ เปลี่ยนเจ้าของให้ถูกต้อง เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย และเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคต โดยหลัก ๆ มีทั้งหมด 3 ขั้นตอน ดังนี้
1. เตรียมเอกสารให้ครบ
การเตรียมเอกสารเพื่อดำเนินการโอนเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถยนต์ จำเป็นต้องเตรียมให้พร้อมทั้งสองฝ่าย คือ ฝ่ายผู้โอน (เจ้าของเดิม) และฝ่ายผู้รับโอน (เจ้าของใหม่) ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ผู้โอน (เจ้าของเดิม)
- บัตรประชาชนและสำเนา
- เล่มทะเบียนรถตัวจริง
- หนังสือสัญญาซื้อขาย
- หนังสือมอบอำนาจ (กรณีเจ้าของรถไม่ได้ดำเนินการเอง)
ผู้รับโอน (เจ้าของใหม่)
- บัตรประชาชนและสำเนา
- ใบตรวจสภาพรถ (กรณีรถมีอายุเกิน 7 ปี)
- พ.ร.บ.รถยนต์ ที่ยังไม่หมดอายุ
2. ไปดำเนินการที่สำนักงานขนส่ง
ผู้โอน (เจ้าของเดิม) และผู้รับโอน (เจ้าของใหม่) ควรไปดำเนินการที่สำนักงานขนส่งพร้อมกัน เพื่อดำเนินการโอนรถให้เรียบร้อย โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสาร ตรวจสภาพรถ และอัปเดตข้อมูลในเล่มทะเบียน
3. ชำระค่าโอนรถ
ค่าใช้จ่ายในการโอนรถยนต์คร่าว ๆ มีทั้งหมด 5 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้
- ค่าโอนรถยนต์ (ค่าธรรมเนียม): 100 บาท
- ค่าคำขอ: 5 บาท
- ค่าตรวจสภาพรถ: 200 บาท (ถ้าต้องตรวจ)
- อากรแสตมป์: 0.5% ของราคารถหรือราคาประเมินกรมการขนส่ง
- ค่าป้ายทะเบียนใหม่ (ถ้ามี): 200-500 บาท
จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อผู้เอาประกันภัยรถยนต์ไหม?
จำเป็นต้องทำทันทีหลังจากโอนรถ เพราะประกันภัยรถยนต์จะคุ้มครองเฉพาะผู้ที่ “ระบุชื่อในกรมธรรม์” หากรถเกิดอุบัติเหตุหลังโอนแต่ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนชื่อผู้เอาประกันภัยรถยนต์ (ยังเป็นชื่อเจ้าของเก่า) บริษัทประกันอาจปฏิเสธการจ่ายสินไหมได้ หากเจ้าของใหม่ต้องการได้รับความคุ้มครองประกันรถยนต์ทันทีที่รับรถ จำเป็นต้องทำตามวิธีเปลี่ยนชื่อผู้เอาประกัน ดังนี้
วิธีเปลี่ยนชื่อผู้เอาประกันภัยรถยนต์
- ติดต่อบริษัทประกันภัยหรือโบรกเกอร์
- แจ้งเลขทะเบียนรถ และเลขที่กรมธรรม์เดิม
- ส่งสำเนาทะเบียนรถที่มีชื่อเจ้าของใหม่
- ส่งสำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของใหม่
- ขอเอกสารเปลี่ยนชื่อผู้เอาประกัน
กรณีที่ต้องการเปลี่ยนประกันใหม่ ไม่ต้องการใช้ประกันเดิมที่ติดมากับรถ (ไม่ประสงค์เปลี่ยนชื่อผู้เอาประกันภัยรถยนต์) เจ้าของใหม่สามารถขอยกเลิกได้เช่นกัน จากนั้นให้เปรียบเทียบประกันรถยนต์ให้ดีก่อนตัดสินใจทำประกันใหม่ เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ ในราคาสบายกระเป๋า โดยสามารถเข้ามาเปรียบเทียบแผนความคุ้มครองประกันรถยนต์ของบริษัทต่าง ๆ ได้ที่เว็บไซต์ มิสเตอร์ คุ้มค่า ตลอด 24 ชั่วโมง
ไขข้อสงสัย รถยังไม่ได้โอน ทําประกันได้ไหม?
ทำได้ แต่ชื่อผู้เอาประกันควรเป็นเจ้าของรถตามทะเบียน หรือมีสัญญาซื้อขายแนบ เพื่อยืนยันสิทธิ์ในการถือครอง หากชื่อผู้เอาประกันยังไม่ตรงกับชื่อในทะเบียน (ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อผู้เอาประกันภัยรถยนต์) หรือไม่มีเอกสารประกอบ อาจมีปัญหาในการเคลมกรณีเกิดอุบัติเหตุ โดยมีเงื่อนไขสำคัญที่ควรรู้ก่อนการโอนรถ เปลี่ยนเจ้าของ ในกรณีไม่ใช่เจ้าของรถ ทําประกันได้ไหม ดังนี้
- หากใส่ชื่อของเจ้าของใหม่เป็นผู้เอาประกัน แต่ยังไม่ได้โอนทะเบียน บริษัทประกันบางแห่งอาจรับได้ แต่จะระบุในเงื่อนไขว่าต้องส่งหลักฐานการโอนภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 30 วัน
- หากเกิดอุบัติเหตุในช่วงที่ชื่อในทะเบียนยังเป็นเจ้าของเดิม บริษัทประกันอาจตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างผู้เอาประกันกับรถ ถ้าไม่มีหลักฐานชัดเจน อาจเสี่ยงถูกปฏิเสธความคุ้มครอง
หากเป็นไปได้แนะนำให้ทำการโอนรถ เปลี่ยนเจ้าของให้เรียบร้อยก่อน เพื่อให้ชื่อในทะเบียนกับชื่อในประกันตรงกัน แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้รถก่อนโอนควรเก็บเอกสารประกอบ เช่น สัญญาซื้อขาย หนังสือมอบอำนาจ หรือเอกสารการวางมัดจำหรือชำระเงินบางส่วนเอาไว้อย่างครบถ้วน รวมถึงแจ้งบริษัทประกันให้ทราบถึงสถานะของรถอย่างตรงไปตรงมา
การโอนรถยนต์ให้แก่ผู้อื่น ประกันภัยจะสิ้นสุดลงเมื่อใด?
ขึ้นอยู่กับหลายกรณี ทำความเข้าใจก่อนว่าเมื่อมีการโอนรถให้กับบุคคลอื่น ไม่ว่าจะซื้อขายอย่างถูกต้อง ส่งต่อรถให้กับญาติเพื่อใช้งานถาวร หรือได้รับจากมรดกตกทอด ประกันภัยเดิมอาจยังมีอายุอยู่ แต่จะสิ้นสุดความคุ้มครองประกันรถยนต์หากเกิดกรณีดังต่อไปนี้
- เจ้าของเดิมแจ้งยกเลิกประกันต่อบริษัท (เวนคืนประกันรถยนต์)
- เจ้าของใหม่ไม่แจ้งเปลี่ยนชื่อผู้เอาประกันภัยรถยนต์
- เจ้าของใหม่ไม่ต่ออายุกรมธรรม์เมื่อครบกำหนด
- รถเกิดอุบัติเหตุในขณะที่ชื่อผู้เอาประกันไม่ตรงกับเจ้าของในทะเบียนรถ
หมายความว่าหากไม่มีการเปลี่ยนชื่อผู้เอาประกันภัยรถยนต์หลังจากโอนรถ รถยนต์จะยังมีสถานะเป็น “ประกันยังไม่หมด” แต่ไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้จริงในกรณีเรียกค่าสินไหมทดแทน
ในวันที่รถยนต์จำเป็นต้องเปลี่ยนเจ้าของใหม่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม จำให้ขึ้นใจเลยว่าการโอนรถ เปลี่ยนเจ้าของไม่ได้จบแค่การเปลี่ยนชื่อในทะเบียนเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งที่ต้องทำควบคู่กัน เช่น เปลี่ยนชื่อผู้เอาประกันภัยรถยนต์ การตรวจสอบความคุ้มครองที่เหลืออยู่ และการเช็คประกันรถยนต์ใหม่ให้เหมาะสม ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ หากละเลยอาจเสี่ยงต่อการเสียสิทธิ์เคลมประกันในอนาคตได้
คำจำกัดความ
เสียเหลี่ยม | การที่ถูกทำให้เสียความสามารถในการต่อสู้ หรือ การที่แสดงออกในทางที่ไม่ดีหรือไม่ได้ตามที่ควรจะเป็น |
เสียสิทธิ์เคลมประกัน | การที่ผู้เอาประกันภัยอาจถูกปฏิเสธสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ หรือการกระทำบางอย่างที่อาจทำให้บริษัทประกันปฏิเสธการเคลม |
ถือกรรมสิทธิ์ครอบครอง | การมีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้นตามกฎหมาย |