หลายคนสงสัยว่ารถมือสองต้อง “โอนรถ” หรือไม่? แล้วถ้าต้องโอนรถ จำเป็นจะต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง? ต้องบอกก่อนว่าการซื้อรถยนต์ ไม่ว่าจะมือหนึ่งหรือมือสอง ล้วนต้องโอนรถทั้งสิ้นเพราะถ้าหากซื้อหรือขายรถทั้งๆ ที่ยังไม่ได้โอนเปลี่ยนชื่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองให้ถูกต้อง อาจจะเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะกับเจ้าของเก่า (ผู้ขาย) และขั้นตอนการโอนรถ เอกสาร และค่าใช้จ่ายๆ จะมีอะไรบ้าง? MrKumka จะเล่าให้ฟัง
การโอนรถหลังจากตัดสินใจซื้อรถยนต์ คือขั้นตอนที่ “สำคัญ” มากๆ เลยก็ว่าได้ แต่ในส่วนของขั้นตอนการโอนไม่ได้มีความยุ่งยากหรือซับซ้อนอย่างที่คิด สามารถโอนได้ภายในเวลาไม่นาน โดยมีรายละเอียดขั้นตอนดังนี้
*หมายเหตุ : การโอนกรรมสิทธิ์รถ (โอนรถ) จะต้องยื่นเรื่องแจ้งต่อนายทะเบียน ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ สำนักงานขนส่งจังหวัดหรือสำนักงานขนส่งจังหวัด (ตามใบคู่มือจดทะเบียนรถ) พร้อมกับแจ้งต่อนายทะเบียน 15 วัน นับตั้งแต่วันโอน ไม่อย่างนั้นจะต้องเสียค่าปรับ จำนวน 2,000 บาท
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่หลายคนไม่ควรมองข้าม ก็คือ “เอกสาร” ในการโอนรถยนต์ ที่จำเป็นจะต้องเตรียมไปให้ครบถ้วน โดยเอกสารต่างๆ ก็มีดังนี้
“ค่าโอนรถ” หรือที่หลายคนคุ้นเคยในชื่อว่า “ค่าธรรมเนียม” ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าว จำเป็นจะต้องตระเตรียมเอาไว้ให้พร้อม ก่อนเดินทางไปดำเนินเรื่องที่สำนักงานขนส่ง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง โดยค่าใช้จ่ายในการโอนรถยนต์ก็มีดังนี้…
ในส่วนของราคาหรือรายละเอียดเพิ่มเติม สำหรับบริการอื่น ๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์หลักของ “กรมการขนส่งทางบก” ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
หลายคนสงสัยว่า ? มอเตอร์ไซค์มีการโอน ค่าโอน หรือเอกสารโอนรถที่ต้องเตรียมเหมือนกันหรือไม่ ? ขอตอบว่ามีขั้นตอนการโอนรถยนต์เหมือนกันทุกอย่าง เพียงแต่การโอนรถมอเตอร์ไซต์จะต้องทำการตรวจสภาพรถก่อน แล้วจึงค่อยดำเนินการกรอกแบบฟอร์มคำขอ ซึ่งต่างจากรถยนต์แค่ลำดับการตรวจสภาพเท่านั้น ทั้งนี้แนะนำให้เตรียมทุกอย่างให้พร้อม เพื่อที่คุณจะได้ไม่เสียเวลานาน ๆ ที่กรมขนส่งทางบกยังไงล่ะ !
หลังจากที่ทำการโอนรถยนต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ประเด็นต่อมาก็คือการ “โอนประกันรถยนต์” ให้เสร็จเรียบร้อย ในกรณีที่ซื้อรถมือสอง แล้วมีประกันติดมาด้วย ซึ่งสามารถดำเนินการได้ 2 วิธี ดังนี้
หากประกันไม่ได้ระบุชื่อคนขับ ก็สามารถต่อประกันได้ทันที โดยผู้ซื้อจะได้รับความคุ้มครองตามประกันรถยนต์ที่ติดมาตามเดิม สำหรับขั้นตอนและเอกสารก็มีดังนี้
หากประกันระบุชื่อคนขับเอาไว้ จำเป็นจะต้อง “ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อผู้ขับขี่” กับทางบริษัทประกัน โดยการเตรียมเอกสารเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้
การโอนประกันรถถือเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรละเลยเช่นเดียวกัน เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะเจ็บตัวซ้ำสอง จ่ายค่าโอนแล้ว แถมยังต้องจ่ายค่าประกันใหม่อีก งานนี้ทำเอาจ่ายเงินกันไม่หยุดเลยทีเดียว
จากบทความนี้เชื่อว่าหลายคนก็คงจะได้รับคำตอบแล้วว่า การโอนรถมีขั้นตอนอย่างไร ? มีค่าใช้จ่ายหรือต้องใช้เอกสารใดบ้าง ? นอกจากนี้คุณยังจะต้องให้ความสำคัญกับสภาพรถ ด้วยการตรวจสภาพรถยนต์อย่างละเอียดด้วย เพื่อป้องกันการถูกย้อมแมวขาย และสำหรับใครที่ไม่ต้องการต่อประกันเดิม กำลังมองหาประกันรถยนต์ที่เหมาะกับรถยนต์คู่ใจอยู่ แต่ไม่รู้จะไปที่ไหน ? ลองเข้ามา เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ที่ MrKumka ดูสิ ! ที่นี่มีรูปแบบประกันรถยนต์ให้คุณเลือกมากมาย เบี้ยน้อย คุ้มครองมาก ถูกใจสุด ๆ !
เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่